Financial model for carbon capture and storage in Thai energy sector

แบบจำลองทางการเงินสำหรับการดักจับและกักเก็บคาร์บอนในภาคพลังงานของประเทศไทย

Name: Waranya Thepsaskul

LCSH: Carbon -- Thailand

LCSH: Power resources -- Thailand

LCSH: Energy consumption -- Thailand

Abstract: This study explores the potential of developing Carbon Capture and Storage (CCS) technology in Thailand’s energy sector through an integrated technical, economic, and policy analysis. The findings reveal that oil refineries are the most suitable candidates for CCS deployment due to their continuous and high CO₂ emissions, moderate capture costs, and geographic concentration along the Upper Gulf of Thailand, which supports the development of cluster-based infrastructure. Natural gas separation plants also present cost-effective opportunities for CCS implementation, given their high CO₂ concentrations and lower capture costs. However, their relatively small emission volumes may limit stand-alone investment feasibility, suggesting that integration with other industries is necessary to enhance efficiency and reduce overall costs. For fossil fuel power plants, the analysis indicates a downward trend in electricity generation from both coal and natural gas, which reduces the long-term attractiveness of CCS in this sector as the potential capture volume will decline accordingly. Cost analysis shows that capture accounts for about 70% of total CCS expenditures, highlighting the need for strong government support through tax incentives, carbon credit mechanisms, the establishment of a dedicated CCS fund, and direct public investment in infrastructure. In conclusion, CCS should be regarded as a transitional measure with significant importance for hard-to-abate industries. In the long term, solar energy with battery storage and green hydrogen are expected to become the dominant energy sources. A balanced strategy that integrates CCS in key industries with accelerated investments in renewable energy and hydrogen offers Thailand a robust and sustainable pathway toward achieving its carbon neutrality target.

Abstract: งานวิจัยนี้มุ่งศึกษาศักยภาพการพัฒนาเทคโนโลยีการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture and Storage: CCS) ในภาคพลังงานของประเทศไทย โดยใช้การวิเคราะห์เชิงเทคนิค เศรษฐศาสตร์ และนโยบายแบบบูรณาการ ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า โรงกลั่นน้ำมันมีความเหมาะสมสูงสุดต่อการประยุกต์ใช้ CCS เนื่องจากมีการปล่อยก๊าซ CO2 ต่อเนื่องในปริมาณสูง ต้นทุนดักจับอยู่ในระดับปานกลาง และมีการกระจุกตัวทางภูมิศาสตร์ในพื้นที่อ่าวไทยตอนบน ซึ่งเอื้อต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแบบคลัสเตอร์ ขณะที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ มีความคุ้มค่าในการเริ่มต้นจากความเข้มข้น CO2 สูงและต้นทุนต่ำ แต่ปริมาณการปล่อยน้อย จึงควรดำเนินงานร่วมกับอุตสาหกรรมอื่นเพื่อลดต้นทุนโดยรวม ส่วนการวิเคราะห์ศักยภาพของ CCS ในโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิล พบว่าแนวโน้มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากทั้งถ่านหินและก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้การลงทุน ในโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิล อาจถูกมองว่าไม่คุ้มค่าในการดำเนินงานระยะยาว เนื่องจากปริมาณการดักจับ CO2 จะลดลงตามไปด้วย การวิเคราะห์ต้นทุนระบุว่า ค่าใช้จ่ายในการดักจับคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 70 ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด สะท้อนถึงความจำเป็นของมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ อาทิ สิทธิประโยชน์ทางภาษี ตลาดคาร์บอนเครดิต การจัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน CCS โดยเฉพาะ และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐ โดยสรุป ภาครัฐควรมองว่า CCS เป็นมาตรการช่วงเปลี่ยนผ่านที่มีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมที่ยากต่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขณะที่ในระยะยาว พลังงานแสงอาทิตย์ควบคู่กับระบบกักเก็บแบตเตอรี่และไฮโดรเจนสีเขียวจะกลายเป็นพลังงานหลักของประเทศ ดังนั้น กลยุทธ์ที่เหมาะสมคือ การพัฒนา CCS ในอุตสาหกรรมสำคัญไปพร้อมกับการเร่งลงทุนในพลังงานหมุนเวียนและไฮโดรเจน เพื่อสร้างเส้นทางที่มั่นคงและยั่งยืนสู่การบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศไทย

Chiang Mai University. Library

Address: CHIANG MAI

Email: cmulibref@cmu.ac.th

Name: Wongkot Wongsapai

Role: Advisor

Name: Chatchawan Chaichana

Role: Advisor

Name: Det Damrongsak

Role: Advisor

Created: 2568

Modified: 2025-10-18

Issued: 2025-10-18

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

eng

DegreeName: Doctor of Philosophy

Level: Doctoral Degree

Descipline: Energy Engineering

Grantor: Chiang Mai University

©copyrights Chiang Mai University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	650651020.pdf	2.6 MB

ใช้เวลา

0.043384 วินาที