การศึกษาความข้นเหลวปกติและระยะเวลาการก่อตัวต้นของซีเมนต์เพสต์ผสมน้ำยางข้น

A study of normal consistency and initial setting time of cement paste containing concentrated para rubber latex

Name: จักรพันธุ์ วงษ์พา

Name: สินาด โกศลานันท์

Name: ไชยพัฒน์ ทวีทรัพย์พิทักษ์

Name: กรพินธุ์ อาระหัง

ThaSH: คอนกรีต -- การผลิต -- วิจัย

Classification :.DDC: 624.1833

ThaSH: ยางพารา -- การแปรรูป -- วิจัย

ThaSH: ปูนซีเมนต์ -- วิจัย

Abstract: งานวิจัยนี้มุ่งเน้นที่จะศึกษาผลกระทบของน้ำยางข้นต่อความข้นเหลวปกติและระยะเวลา การก่อตัวของซีเมนต์เพสต์โดยในงานวิจัยนี้ได้ใช้อัตราส่วนการแทนที่น้ำด้วยน้ำยางข้นเป็นตัวแปรต้น ในอัตราส่วนร้อยละ 0.5, 1.0, 1.5 และ 2.0 ตามลำดับ เพื่อเทียบกับซีเมนต์เพสต์ปกติที่ไม่มีส่วนผสม ของน้ำยางข้น ทำการศึกษาปริมาณน้ำที่ต้องการสำหรับความข้นเหลวปกติรวมถึงระยะเวลาการก่อ ตัวตนของซีเมนต์เพสต์ของทุกส่วนผสม โดยวิธีการทดสอบเป็นไปตามมาตรฐาน ASTM นอกจากนี้ยัง ศึกษาโครงสร้างจุลภาคโดยใช้กล้องจุลทรรศน์แบบส่งกราดเพื่อใช้ร่วมอธิบายผลกระทบของน้ำยางข้น ต่อความต้องการน้ำที่ความข้นเหลวปกติและระยะเวลาการก่อตัวของซีเมนต์เพสต์ จากการศึกษาพบว่า ปริมาณน้ำยางข้นที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ซีเมนต์เพสต์มีความต้องการน้ำ เพิ่มขึ้นเพื่อรักษาความข้นเหลวปกติของซีเมนต์เพสต์ไว้อีกทั้งยังส่งผลกระทบให้ระยะเวลาการก่อตัว ของซีเมนต์เพสต์เพิ่มขึ้นอีกด้วย ซึ่งอัตราส่วนผสมที่มีน้ำยางข้นร้อยละ 2.0 มีความต้องการน้ำเพิ่มขึ้น ร้อยละ 15 และมีระยะเวลาการก่อตัวต้นนานกว่าซีเมนต์เพสต์ปกติ65 นาทีเทียบกับซีเมนต์เพสต์ ปกติจึงสรุปได้ว่าน้ำยางข้นสามารถนำมาใช้เป็นส่วนผสมของซีเมนต์เพสต์ได้โดยที่ยังรักษา ความสามารถในการทำงานได้เอาไว้ตามปกติและทำให้ระยะเวลาการก่อตัวต้นเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลดีกับ งานคอนกรีตที่ไม่ต้องการให้ซีเมนต์เพสต์แข็งตัวเร็วจนเกินไป

Abstract: This research aims to study the effects of concentrated latex on the normal consistency and the setting time of cement paste. In this research, the replacement ratio of water by concentrated latex of 0.5, 1.0, 1.5, and 2.0 percent was used as the variable to compare with the normal cement paste. The amount of water required for normal consistency was studied as well as the initial setting time of every cement paste mixture. The test method was in accordance with ASTM standards. In addition, the microstructure was studied using the scanning electron microscope to explain the effect of concentrated latex on the water required for normal consistency and the setting time of cement paste. From the study it was found that increasing of concentrated latex content caused the cement paste to require more water to maintain the normal consistency of the cement paste. It also affected the setting time of the cement paste to increase as well. For the mixture containing concentrated latex of 2.0 percent, the water required increased by 15 percent and the initial setting time was 65 minutes longer than normal cement paste compared. Therefore, it can be concluded that concentrated latex can be used in cement paste while the workability could be maintained. Moreover, the initial setting time increases which is a benefit for concrete work that does not require the cement paste to harden too quickly.

มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ

Address: จันทบุรี

Email: library@rbru.ac.th

Role: ประธานที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์

Created: 2566

Modified: 2568-08-28

Issued: 2568-08-28

งานวิจัย/Research report

application/pdf

tha

©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	Research_fulltext.pdf	13.56 MB

ใช้เวลา

0.03632 วินาที