การบำบัดโลหะหนักด้วยหินปูนในน้ำเสียห้องปฏิบัติการกองวิเคราะห์และตรวจสอบทรัพยากรธรณี

Treatment of heavy metals by limestone in laboratory wastewater of mineral resources analysis and Identification division

Name: วัชนิกร บุญรอด

ThaSH: การกำจัดน้ำเสีย

ThaSH: น้ำเสีย -- การบำบัด

ThaSH: น้ำเสีย -- การบำบัด -- การกรอง

Abstract: ปัญหาน้ำเสียจากห้องปฏิบัติการกองวิเคราะห์และตรวจสอบทรัพยากรธรณีมีค่าโลหะหนักที่ เป็นพิษได้แก่ สารหนู (As) แคดเมียม (Cd) และโครเมียม (Cr) เกินค่ามาตรฐานน้ำทิ้งโรงงาน อุตสาหกรรมเป็นหนึ่งในปัญหาที่เกิดขึ้นหลังกระบวนการวิเคราะห์ตัวอย่างเสร็จสิ้น การบาบัด โลหะหนักในน้ำเสียจึงเป็นกระบวนการที่สำคัญขององค์กรอย่างมากเพราะเป็นขั้นตอนที่นำไปสู่ แนวทางการลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในการปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อม รวมถึงช่วยให้องค์กรลดค่าใช้จ่าย ในการส่งกำจัด โดยการบำบัดมีได้หลายรูปแบบ ผู้วิจัยเลือกวิธีการดูดซับในการบำบัดเนื่องจากเป็น วิธีการที่ง่าย โดยการนำหินปูนซึ่งเป็นตัวอย่างทรัพยากรธรณีที่มีประสิทธิภาพในการดูดซับสูง และเป็น ตัวอย่างเหลือใช้จากการวิเคราะห์มาใช้ในการดูดซับโลหะหนัก ดังนั้นการค้นคว้าอิสระนี้จึงมี วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของหินปูนในการดูดซับโลหะหนักที่เป็นพิษในน้ำเสียของ ห้องปฏิบัติการฯ ซึ่งในการศึกษาปริมาณโลหะหนักดังกล่าวจะถูกวัดด้วยวิธี Inductively Coupled Plasma Optical Emission Spectrometry (ICP-OES) ผลการศึกษาพบว่า สภาวะที่เหมาะสมในการดูดซับ โลหะหนักที่เป็นพิษได้แก่สารหนู (As) แคดเมียม (Cd) และ โครเมียม (Cr) ใช้ความเป็นกรด-ด่าง (pH) เริ่มต้นเท่ากับ 1 ระยะเวลาในการดูดซับ 15 นาที ปริมาณหินปูน 5.0 กรัมต่อน้ำเสีย 20 มิลลิลิตร หินปูนมี ประสิทธิภาพในการดูดซับ เท่ากับ 98.39 , 98.77% และ 99.16% ตามลำดับ ดังนั้นการนา หินปูนเหลือใช้ จากกระบวนการวิเคราะห์จึงเป็นวิธีที่เหมาะสมในการบา บัดโลหะหนักในน้า เสียและลดความเป็นกรด ที่เกิดขึ้นจากกระบวนการวิเคราะห์ตัวอย่างทรัพยากรธรณีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Abstract: Wastewater from the laboratory of the Mineral Resources Analysis and Investigation Division containing a toxic heavy metals including arsenic (As) cadmium (Cd) and chromium (Cr) which above the standard values for industrial wastewater. Therefore, the treatment process is required to treat wastewater before discharge to the environment. In addition, the Mineral Resources Analysis and Investigation Division has a limestone residue which can be utilized as adsorbent. Thus, the objective of this research was to determine the optimal condition for reduce heavy metal with limestone residue. In the study, the amount of heavy metals were measured by the Inductively Coupled Plasma Optical Emission Spectrometry (ICP-OES) method. From the obtained results, it was found that the optimum conditions for heavy metals adsorption were pH = 1, adsorption time 15 minutes, and a optimal of limestone at 5.0 g per 20 ml of wastewater. The heavy metals adsorption efficiencies by limestone residue were higher than 98%. The results of this study found that limestone was effective in adsorbed arsenic (As) cadmium (Cd) and chromium (Cr) equal to 98.39 , 98.77% and 99.16% respectively. Furthermore, the addition of limestone can reduce the acidity of treated wastewater. Therefore, it can be stated that limestone that is left over from the analysis process can be utilized as adsorbent with an effective for treating heavy metal wastewater.

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. สำนักหอสมุด

Address: เชียงใหม่

Email: cmulibref@cmu.ac.th

Name: ภาคภูมิ รักร่วม

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Created: 2568

Modified: 2568-08-26

Issued: 2568-08-26

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

tha

DegreeName: วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม

Grantor: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

©copyrights มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	650632042.pdf	1.28 MB

ใช้เวลา

0.019782 วินาที