การศึกษาการใช้กากขมิ้นชันในอาหารข้นโคนมต่อเซลล์โซมาติกและองค์ประกอบในน้ำนม

The study of using turmeric (Curcuma longa Linn.) residue in dairy cow diet on somatic cell and composition in milk

Name: พัชรภรณ์ สุวรรณสิงห์

ThaSH: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ -- วิทยานิพนธ์. วท.ม. (สัตวศาสตร์) 2564

Classification :.LCCS: SF208

ThaSH: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. สาขาสัตวศาสตร์ -- วิทยานิพนธ์

ThaSH: โคนม -- อาหาร

ThaSH: น้ำนม -- องค์ประกอบ

ThaSH: ขมิ้นชัน -- การใช้ประโยชน์

ThaSH: เซลล์ร่างกาย

Abstract: การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์นี้เพื่อศึกษาการใช้กากขมิ้นชันในอาหารข้นโคนม การวิจัยแบ่งออกเป็น 3 การทดลอง การทดลองแรกเป็นการศึกษาการเสริมกากขมิ้นชันระดับต่ำในอาหารข้นโดยวิธีการวัดผลผลิตแก๊สแบบ in vitro แบ่งการเสริมกากขมิ้นชันเป็น 4 ระดับ ได้แก่ ร้อยละ 0 5 10 และ 15 ของอาหารข้น พบว่า การเสริมที่ร้อยละ 5 10 และ 15 ไม่ส่งผลต่อค่าจลศาสตร์การผลิตแก๊สและค่าความสามารถในการย่อย การทดลองที่สองการศึกษาการเสริมกากขมิ้นชันระดับสูงในอาหารข้นต่อค่าจลศาสตร์การผลิตแก๊ส กระบวนการหมักในกระเพาะรูเมน และนิเวศวิทยาในกระเพาะรูเมนโดยวิธีการวัดผลผลิตแก๊สแบบ in vitro มีระดับการเสริม คือ ร้อยละ 0 15 30 45 และ 60 ของอาหารข้น พบว่า ค่าจลศาสตร์การผลิตแก๊ส (ค่า b, d) และปริมาณแก๊สสะสมในชั่วโมงที่ 72 มีความแตกต่างทางสถิติแบบเส้นตรง (P<0.05) ที่ชั่วโมงที่ 24 และค่าเฉลี่ยความเข้มข้นของแอมโมเนีย-ไนโตรเจน มีค่าลดลงเมื่อเสริมกากขมิ้นชันร้อยละ 60 สำหรับความสามารถในการย่อยได้ เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติแบบเส้นโค้งกำลังสี่ (P<0.05) ในชั่วโมงที่ 4 และค่าเฉลี่ยของประชากรแบคทีเรียทั้งหมด มีความแตกต่างกันทางสถิติแบบเส้นตรงและเส้นโค้งกำลังสาม (P<0.05) ตามลำดับ ในขณะที่เชื้อราและโปรโตซัวไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ (P>0.05) ค่าเฉลี่ยของแบคทีเรีย R. flavefaciens และ P. bryantii มีความแตกต่างกันทางสถิติแบบเส้นโค้งกำลังสองและเส้นโค้งกำลังสาม (P<0.05) ตามลำดับ สำหรับความเข้มข้นของกรดไขมันระเหยง่ายมีค่าใกล้เคียงกันในทุกกลุ่มการทดลอง และการทดลองสุดท้ายการประเมินการใช้กากขมิ้นชันในอาหารข้นต่อค่าเซลล์โซมาติกและองค์ประกอบในน้ำนม มีการเสริมกากขมิ้นชันที่ระดับ 100 200 300 400 กรัมต่อตัวต่อวัน และผลิตภัณฑ์สมุนไพรสำหรับรักษาเต้านมอักเสบ พบว่า เซลล์โซมาติกลดลงในวันที่ 30 เมื่อเสริมกากขมิ้นชัน 200 300 400 กรัมต่อตัวต่อวัน รวมถึงผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่นำมาทดสอบด้วย และองค์ประกอบน้ำนมของทุกกลุ่มการลดลอง พบว่า อยู่ในเกณฑ์ปกติตามมาตรฐานของมกอช. ค่ายูเรีย-ไนโตรเจนในน้ำนมอยู่ในช่วงปกติ (10-18 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร) จากการศึกษาในครั้งนี้จึงสรุปได้ว่าการใช้กากขมิ้นชันในอาหารข้น ไม่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อกระบวนการหมัก นิเวศวิทยา และประชากรจุลินทรีย์ในกระเพาะรูเมน อย่างไรก็ตามการเสริมกากขมิ้นชันสามารถเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตสำหรับอาหารข้นของโคนมได้ The objectives of this research were to study using turmeric (Curcuma longa Linn.) residue in dairy cow concentrate diet. The research was divided into three experimental. First, study low-level of turmeric residue supplementation in diet by using in vitro gas production technique. Four levels supplementation are 0, 5, 10 and 15% of diet. It was found that, turmeric residue supplementation did not affect on kinetic gas production and in vitro true digestibility. Second, study high-level of turmeric residue supplementation in diet on kinetic gas production, rumen fermentation and rumen ecology using in vitro gas production technique. The supplementation levels were 0, 15, 30, 45 and 60% of diet. The results showed that, the gas kinetic gas value (b and d) and cumulative gas production at 72 h had linearly effect (p<0.05). At 24 h and mean value, the NH3 -N concentration decreased at 60% of supplementation. In vitro true digestibility was quadratic increasing (p<0.05). At 4 h and mean value, total bacteria population were linear and cubic increasing (p<0.05) respectively, while fungi and protozoa population were not significantly different (p>0.05). The mean value of R. flavefaciens and P. bryantii population were different by quadratic and cubic effect (p<0.05). The total VFA concentration was similar among treatment. And the last experiment was the preliminaryfeeding trial to measure the effect of turmeric residue on cell somatic count (SCC) and dairy milk composition. The supplementation levels were supplemented at 100, 200, 300, 400 g/head/day compare with the commercial product. The results showed that, SCC was decreased at 30 days of supplementation at 200, 300 and 400 g/head/day and commercial product. Milk composition for all treatment were found in normal range follow by the stand of ACFS. Milk urea nitrogen are in normal range (10-18 mg/dL). Based on this study, it could be concluded that turmeric residue use in concentrate diet had no negative effect on rumen fermentation characteristic, rumen ecology and rumen microbial population, However, turmeric residue can be use as carbohydrate feedstuff for dairy cow dietary.

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. สำนักหอสมุด

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: tdckulib@ku.ac.th

Name: พงศ์ธร คงมั่น

Role: อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์หลัก

Name: ก.ทีปลักษณ์ ระงับเหตุ

Role: อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม

Created: 2564

Modified: 2568-07-21

Issued: 2568-07-21

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

URL: https://www.lib.ku.ac.th/KUthesis/2564/patcharaporn-suw-all.pdf

CallNumber: SF208 .พ112

tha

DegreeName: วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: สัตวศาสตร์

Grantor: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

©copyrights มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	patcharaporn-suw-all.pdf	3.16 MB	1	2025-09-12 17:10:05

ใช้เวลา

0.023185 วินาที