Development of community reproductive health care model for Lahu women

การพัฒนาชุมชนต้นแบบดูแลสุขภาพด้านอนามัยการเจริญพันธุ์สำหรับหญิงชาวลาหู่

Name: Soontaree Suratana

LCSH: Lahu (Asian people) -- Thailand

LCSH: Lahu (Asian people) -- Medical care

LCSH: Rural health services -- Thailand

LCSH: Community health -- Thailand

Abstract: "Reproductive health issues, encompassing teenage pregnancy, birth control, and access to quality prenatal care, are prevalent concerns, particularly among Lahu women. In response, the research team conducted a research and development study aimed at developing and evaluating the effectiveness of a community reproductive health care model to enhance the reproductive health of Lahu women. Step 1 involved studying the reproductive health care situation of Lahu women through in-depth interviews with Lahu women, their families, community members, and relevant officials. The information gathered in this step informed the development of a prototype in the second stage. Step 2 focused on developing a community reproductive health care model tailored to address the reproductive health needs of Lahu women. This involved a leader development course and a “Mae Ying Roo Jing Reung Phet” course based on the KAP theory. Step 3 entailed evaluating the model's effectiveness using questionnaires assessing knowledge, attitude, and practices regarding reproductive health care. Data were collected before, and at one month and six months after using the model. The data were analyzed using descriptive and inferential statistics, including the paired t-test and Repeated Measures ANOVA. The results demonstrated that Lahu women's knowledge significantly increased at one month (p-value < 0.05) and six months (p-value < 0.001) post-model implementation. Similarly, attitudes toward reproductive health care showed significant improvement at one month (p-value < 0.05) and six months (p-value < 0.001) postimplementation. Reproductive health care practices among Lahu women improved significantly at six months post-implementation (p-value < 0.05), with scores also demonstrating improvement compared to one month post-implementation (p-value < 0.05). Self-care practices during pregnancy similarly exhibited improvement at one month (p-value < 0.05) and six months (p-value < 0.001) post-implementation. Utilization of the Community Reproductive Health Care model for Lahu women led to an increased percentage of qualified antenatal care, underscoring the model’s effectiveness. Feasibility assessment indicated a moderate to high level. In conclusion, the Community Reproductive Health Care model for Lahu women has the potential to increase the rate of qualified antenatal care. However, ensuring the continuity and sustainability of the model necessitates awareness of issues and cooperation from community leaders and the subdistrict health promoting hospital acting as mentors."

Abstract: ปัญหาอนามัยการเจริญพันธุ์เรื่องการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น การคุมกำเนิด และการฝากครรภ์คุณภาพ เป็นปัญหาที่พบมากโดยเฉพาะในกลุ่มหญิงลาหู่ ดังนั้นผู้วิจัยจึงได้ทำการวิจัยและพัฒนาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและประเมินประสิทธิผลชุมชนต้นแบบดูแลสุขภาพด้านอนามัยการเจริญพันธุ์สำหรับหญิงชาวลาหู่ ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาสถานการณ์การดูแลสุขภาพด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ของหญิงชาวลาหู่ เป็นการสัมภาษณ์เชิงลึกหญิงลาหู่ ครอบครัว คนในชุมชนและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเพื่อนำข้อมูลมาพัฒนาต้นแบบในขั้นตอนที่ 2 เป็นการพัฒนาต้นแบบชุมชนดูแลสุขภาพด้านอนามัยการเจริญพันธุ์สำหรับหญิงชาวลาหู่ โดยใช้หลักสูตรพัฒนาแกนนำและหลักสูตรแม่ญิง รู้จริง เรื่องเพศโดยใช้ทฤษฎี KAP ขั้นตอนที่ 3 ประเมินประสิทธิผลของต้นแบบ เครื่องมือที่ใช้เก็บข้อมูล คือแบบสอบถามความรู้ ทัศนคติและพฤติกรรมในการดูแลอนามัยการเจริญพันธุ์ เก็บข้อมูลก่อนและภายหลังใช้ต้นแบบ 1 เดือนและ 6 เดือน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ Paired T-test และ Repeated measure ANOVA ผลการศึกษาพบว่าภายหลังจากการนำต้นแบบการดูแลสุขภาพด้านอนามัยการเจริญพันธุ์สำหรับหญิงชาวลาหู่ไปใช้ในชุมชน หญิงลาหู่มีคะแนนความรู้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติภายหลังการใช้ต้นแบบ 1 เดือน (P-value < 0.05) และ 6 เดือน (P-value < 0.001) เช่นเดียวกับคะแนนทัศนคติต่อการดูแลสุขภาพอนามัยการเจริญพันธุ์เพิ่มขึ้นหลังการใช้ต้นแบบ 1 เดือน (P-value < 0.05) และ 6 เดือน(P-value < 0.001) คะแนนพฤติกรรมการดูแลสุขภาพอนามัยการเจริญพันธุ์เพิ่มขึ้นหลัง การใช้ต้นแบบ 6 เดือน (P-value < 0.05) และหลังการใช้ต้นแบบ 6 เดือนคะแนนพฤติกรรมเพิ่มขึ้น จากหลังการใช้ต้นแบบ 1 เดือน (P-value < 0.05) คะแนนพฤติกรรมการดูแลตนเองขณะตั้งครรภ์เพิ่มขึ้น หลังการใช้ต้นแบบ 1 เดือน (P-value < 0.05) และ 6 เดือน (P-value < 0.001) และประสิทธิผลของชุมชนต้นแบบดูแลสุขภาพด้านอนามัยการเจริญพันธุ์สำหรับหญิงชาวลาหู่พบว่าร้อยละการฝากครรภ์คุณภาพเพิ่มมากขึ้น การประเมินความเป็นไปได้ในการนำต้นแบบไปใช้อยู่ในระดับปานกลางถึงมาก กล่าวโดยสรุปชุมชนต้นแบบดูแลสุขภาพด้านอนามัยการเจริญพันธุ์สำหรับหญิงชาวลาหู่สามารถเพิ่มอัตราการฝากครรภ์คุณภาพของหญิงลาหู่ได้ อย่างไรก็ตามความต่อเนื่องและยั่งยืนของต้นแบบต้องอาศัยการตระหนักถึงปัญหาความร่วมมือจากแกนนำในชุมชนและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลที่มีบทบาทการเป็นพี่เลี้ยง

Chiang Mai University. Library

Address: CHIANG MAI

Email: cmulibref@cmu.ac.th

Name: Waraporn Boonchieng

Role: Advisor

Name: Tawatchai Apidechkul

Role: Advisor

Name: Warangkana Naksen

Role: Advisor

Created: 2024

Modified: 2568-06-17

Issued: 2024-12-14

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

eng

Spatial: Thailand

DegreeName: Master of Public Health

Level: Master's degree

Grantor: Chiang Mai University

©copyrights Chiang Mai University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	632251003.pdf	4.12 MB

ใช้เวลา

-0.948823 วินาที