แจ้งเอกสารไม่ครบถ้วน, ไม่ตรงกับชื่อเรื่อง หรือมีข้อผิดพลาดเกี่ยวกับเอกสาร ติดต่อที่นี่ ==>
หากไม่มีอีเมลผู้รับให้กรอก thailis-noc@uni.net.th ติดต่อเจ้าหน้าที่เจ้าของเอกสาร กรณีเอกสารไม่ครบหรือไม่ตรง

ผลของการเติมโดโลไมท์ในดินบนต่อความเป็นกรดและการเปลี่ยนแปลง สมบัติทางเคมีของดินที่ปลูกทุเรียนในเขตภาคตะวันออกของประเทศไทย
Effect of surface applied dolomite on acidity and chemical characteristics of soil under durian orcherd in the eastern part of Thailand

ThaSH: ทุเรียน -- การปลูก
ThaSH: วัสดุปรับปรุงดิน
ThaSH: ดิน -- ปริมาณแคลเซียม
ThaSH: ปูนขาว
Abstract: การเติมปูนบนผิวดินเพื่อยกระดับ pH ของดินในเขตรากของพืชโดยเฉพาะในสวนผลไม้ จะได้ผลดี มีประสิทธิภาพขึ้นกับความสามารถของปูนในการเคลื่อนย้ายลงไปในดินเพื่อสะเทินกรดในดินล่าง และ ระยะเวลาที่ปูนเคลื่อนย้ายลงในดินระดับเขตรากของพืช นอกจากนี้ยังขึ้นกับปัจจัยอื่นๆด้วย เช่น ชนิดและ อัตราของปูน สมบัติของดิน และ,ปริมาณน้ำฝน เป็นต้น ดังนั้นจึงได้ทำการทดลองในครั้งนี้โดยมีจุดประสงค์ เพื่อศึกษาผลของการเติมปูนโดโลไมท์ทั้งอัตราตํ่า และอัตราสูงต่อการเปลี่ยนแปลงสมบัติของดินและน้ำซะดิน (leachates) ตามจำนวนครั้งในการซะดิน และเพื่อศึกษาผลการเติมปูนโดโลไมทํในอัตราตํ่าต่อการ เปลี่ยนแปลงสมบัติของดินและความเป็นประโยชน์ของธาตุอาหาร ตามระยะเวลาหลังเติมปูนตลอดความลึกของดิน โดยแบ่งการทดลองออกเป็น 2 การทดลอง การทดลองที่1 ศึกษาภายใต้การจำลองโดยใช้ไลซิ มิเตอร์ (lysimeter) เก็บดินจากสวนทุเรียน 2 สวน ที่มีเนื้อดินต่างกันคือ สวน C (ดินเนื้อละเอียด) และสวน T (ดินเนื้อปานกลาง) บรรจุดินในไลซิมิเตอร์ตามความลึก 0-5 5-15 15-30 และ 30-50 ซม. ให้มีความหนาแน่นของดินใกล้เคียงกับสภาพในสนาม เติมปูนโดโลไมทํบนผิวดินในอัตรา 0 0.5 1.0 และ 1.5 เท่าของ ความต้องการปูน (LR) ซะดินด้วยน้ำประปา 9 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 10 วัน เก็บตัวอย่างดินและน้ำซะดินทุกครั้ง เพื่อวิเคราะห์สมบัติทางเคมี ส่วนการทดลองที่ 2 ทำการทดลองในสวนเกษตรกร 2 สวน ซึ่งเป็นสวนเดียวกันกับการทดลองที่1 เติมโดโลไมท์บริเวณผิวดินใต้ทรงพุ่มรัศมี 2.5 เมตรของต้นทุเรียนในอัตรา 20% ของค่าความต้องการปูน (LR) โดย 1 LR เท่ากับ 36.55 และ 14.95 กก./ต้น สำหรับสวน C (ดินเนื้อ ละเอียด) และ สวน T (ดินเนื้อปานกลาง) ตามสำดับ แต่ละสวนเลือกต้นทุเรียน 10 ต้น แยกเป็นเติมโดโล ไมท์ 5 ต้น และไม่เติมโดโลไมท์ 5 ต้น จากนั้นเก็บดินที่ความลึก 0-5 5-15 15-30 และ 30-50 ซม. โดยเก็บ ดินในวันที่ 0 15 30 45 60 75 105 และ 195 วันหลังจากเติมปูน เพื่อนำมาวิเคราะห์สมปติทางเคมีของดิน นอกจากนื้ทำการเก็บตัวอย่างใบทุเรียนจากทั้ง 10 ต้นก่อนทดลอง (ระยะหลังเก็บเกี่ยว) และหลังการ ทดลอง (ระยะการสร้างใบครั้งที่ 2) เพื่อนำมาวิเคราะห์ปริมาณธาตุอาหารในพืชอีกด้วย จากการทดลองพบว่าในสวน C (เนื้อดินละเอียด) ดินเป็นกรดปานกลาง (pH 5.93) เกษตรกร ต้องการปรับ pH ให้ใด้ 6.5 (pH เป้าหมาย) ส่วนในสวน T (เนื้อดินปานกลาง) ดินเป็นกรดจัดมาก (pH 4.99) เกษตรกรมี pH เป้าหมายคือ 5.5 ดินทั้ง 2 สวนมีแคลเซียมและแมกนีเซียมอยู่ในระดับต่ำ ถึงตํ่ามาก ดินมีความหนาแน่นรวมอยู่ในระดับที่ไม่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของพืช ทั้ง 2 สวนมีอัตรา การซึมผ่านของน้ำค่อนข้างแตกต่างกันคือ ค่อนข้างเร็ว (10 ซม./ซม.) สำหรับสวน C (เนื้อดินละเอียด) และปานกลาง (2.73 ซม./ซม.) สำหรับสวน T (เนื้อดินปานกลาง) ผลการทดลองที่ 1 (แบบจำลองโลซิมิเตอร์) พบว่าการเติมโดโลไมท์ส่งผลต่อระดับ pH ของดินที่เพิ่มขึ้น จาก 5.80 เป็น 6.13 และ จาก 4.91 เป็น 5.51 เมื่อเปรียบเทียบดินก่อนการทดลอง และเพิ่มขึ้นสูงสุดหลังจากการซะดินครั้งที่7 และ 3 สำหรับสวน C (เนื้อดินละเอียด) และ T (เนื้อดินปานกลาง) ตามลำดับ นอกจากนี้ยังสามารถ เพิ่มแคลเซียมและแมกนีเซียมในดินได้ 1.85 และ 2.60 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับดินก่อนการทดลอง สำหรับสวน C (เนื้อดินละเอียด) และ T (เนื้อดินปานกลาง) ตามลำดับ โดยแคลเซียมและแมกนีเซียม ส่วนใหญ่สะสมอยู่ดินขั้นบน (0-5 ซม.) การเติมปูนในอัตรา 1.0 LR สามารถปรับ pH ของดินถึง pH เป้าหมายที่เกษตรกรต้องการได้ตลอดความลึก 0-50 ซม. แต่ถ้าเติมปูนเกินกว่า 1 LR นอกจากจะ พบว่า ดินมี pH สูงกว่า pH เป้าหมายแล้วยังพบว่ามีโพแทสเซียมถูกซะละลายไปกับน้ำซะดินสูงขึ้น ด้วย ส่วนผลการทดลองที่ 2 (สวนของเกษตรกร) พบว่าการเติมปูนในอัตรา 20% LR ไม่สามารถปรับ pH ของดินให้ใด้ตามความต้องการของเกษตรกรได้ แสดงว่าต้องมีการเติมปูนอย่างต่อเนื่องกัน ประมาณ 3-5 ปี อย่างไรก็ตามพบว่าการเติมปูนสามารถยกระดับ pH ได้ 0.36 และ 0.10 หน่วย pH ในสวน C (เนื้อดินละเอียด) และ T (เนื้อดินปานกลาง) ตามลำดับ พบอัตราการเคลื่อนย้ายปูนจากดิน บนลงไปดินล่างค่อนข้างแตกต่างกันระหว่างดินทั้ง 2 สวนโดยสวน C (เนื้อดินละเอียด) สามารถเพิ่ม pH ได้ถึงความลึก 30 ซม.โดยใช้เวลาประมาณ 3.5 เดือน ในขณะสวน T (เนื้อดินปานกลาง)สามารถ เพิ่ม pH ได้ที่ระดับความลึก 0-5 ซม. เท่านั้น โดยใช้เวลาประมาณ 1.5 เดือน สาเหตุสำคัญน่าจะมา จากอัตราการซึมผ่านของน้ำ (infiltration rate) ของดินที่แตกต่างกันค่อนข้างชัดเจน นอกจากนี้ยัง พบว่าการเติมปูนโดโลไมท์ส่งผลให้ดินมีปริมาณแคลเซียมและแมกนีเซียมเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในดินบน (0-15 ซม.) จนถึงระดับที่เหมาะสมคือ 1000-2000 mg/kg และ 120-240 mg/kgสำหรับ แคลเซียมและแมกนีเซียมตามลำดับ โดยพบปริมาณสูงสุดหลังจากเติมปูน 60 วัน (ประมาณ 2 เดือน) การเติมปูนไม่ส่งผลให้ปริมาณฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และจุลธาตุในดินแตกต่างกัน การพบปริมาณธาตุอาหารในดินบนสูงกว่าดินล่างเกิดจากการใส่ปุ๋ย และวัสดุปรับปรุงดินของเกษตรกรที่ทำติดต่อกันเป็น ระยะเวลาหลาย 10 ปี นอกจากนื้ยังพบว่าการเติมปูนไม่ส่งผลต่อปริมาณธาตุอาหารในใบทุเรียน การเปลี่ยนแปลงของธาตุอาหารในใบทุเรียนที่พบเกิดจากระยะการเจริญเติบโต ระยะการให้ผลผลิต และการจัดการธาตุอาหารในสวนของเกษตรกร
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง. สำนักหอสมุดกลาง
Address: กรุงเทพมหานคร
Email: Lifelong@kmitl.ac.th
Role: อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์
Created: 2566
Modified: 2566-11-02
Issued: 2566-11-02
วิทยานิพนธ์/Thesis
application/pdf
tha
©copyrights สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
RightsAccess:
ลำดับที่.ชื่อแฟ้มข้อมูล ขนาดแฟ้มข้อมูลจำนวนเข้าถึง วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1 Akarawhat Worphet.pdf 6.46 MB11 2025-04-18 21:31:20
ใช้เวลา
0.019697 วินาที

อัครวัฒน์ วอเพ็ชร
ภัทรารัตน์ เทียมเก่า
Title Creator Type and Date Create
อิทธิพลของภาวะแล้ง และเชื้อราอาร์บัสคูลาร์ไมคอร์ไรซาต่อการเปลี่ยนรูปของฟอสฟอรัสในดิน และการเจริญเติบโตของข้าวโพดหวาน
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
ภัทรารัตน์ เทียมเก่า
ดวงกมล ชูแดง
วิทยานิพนธ์/Thesis
จำนวนประชากรและความหลากหลายของเชื้อราอาร์บัสคูลาร์ไมคอร์ไรซาและแบคทีเรียประจำถิ่นในดินบริเวณรอบรากมันสำปะหลัง
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
ภัทรารัตน์ เทียมเก่า
บุษราพร ไชยพันธ์
วิทยานิพนธ์/Thesis
อิทธิพลของปุ๋ยพืชสดต่อการเปลี่ยนแปลงของธาตุอาหารและกิจกรรมของจุลินทรีย์ดินในระบบการปลูกข้าว
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
ภัทรารัตน์ เทียมเก่า
ปภาวรรณ อ่อนคำ
วิทยานิพนธ์/Thesis
การศึกษาสมบัติของเถ้าบอยเลอร์และกากตะกอนหลังจากการผลิตแก๊สชีวภาพจากอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันเพื่อเป็นวัสดุปลูกพืช
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
ภัทรารัตน์ เทียมเก่า
กัณฐิกา ยังมณี
วิทยานิพนธ์/Thesis
ผลของการเติมโดโลไมท์ในดินบนต่อความเป็นกรดและการเปลี่ยนแปลง สมบัติทางเคมีของดินที่ปลูกทุเรียนในเขตภาคตะวันออกของประเทศไทย
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
ภัทรารัตน์ เทียมเก่า
อัครวัฒน์ วอเพ็ชร
วิทยานิพนธ์/Thesis
Copyright 2000 - 2025 ThaiLIS Digital Collection Working Group. All rights reserved.
ThaiLIS is Thailand Library Integrated System
สนับสนุนโดย สำนักงานบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
328 ถ.ศรีอยุธยา แขวง ทุ่งพญาไท เขต ราชเทวี กรุงเทพ 10400 โทร. โทร. 02-232-4000
กำลัง ออน์ไลน์
ภายในเครือข่าย ThaiLIS จำนวน 3
ภายนอกเครือข่าย ThaiLIS จำนวน 13,559
รวม 13,562 คน

More info..
นอก ThaiLIS = 190,289 ครั้ง
มหาวิทยาลัยราชภัฏ = 18 ครั้ง
สถาบันพระบรมราชชนก = 16 ครั้ง
มหาวิทยาลัยสังกัดทบวงเดิม = 4 ครั้ง
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล = 1 ครั้ง
มหาวิทยาลัยเอกชน = 1 ครั้ง
รวม 190,329 ครั้ง
Database server :
Version 2.5 Last update 1-06-2018
Power By SUSE PHP MySQL IndexData Mambo Bootstrap
มีปัญหาในการใช้งานติดต่อผ่านระบบ UniNetHelp


Server : 8.199.133
Client : Not ThaiLIS Member
From IP : 216.73.216.165