แจ้งเอกสารไม่ครบถ้วน, ไม่ตรงกับชื่อเรื่อง หรือมีข้อผิดพลาดเกี่ยวกับเอกสาร ติดต่อที่นี่ ==>
หากไม่มีอีเมลผู้รับให้กรอก thailis-noc@uni.net.th ติดต่อเจ้าหน้าที่เจ้าของเอกสาร กรณีเอกสารไม่ครบหรือไม่ตรง

วรรณกรรมเพลงกล่อมเด็กจังหวัดลำปาง
Lullabies from Lampang Province

keyword: วรรณกรรม
ThaSH: วรรณกรรม
Classification :.DDC: 781.62
; วรรณกรรมสำหรับเด็ก
; วรรณกรรมสำหรับเด็ก ลำปาง
Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. เพื่อวิเคราะห์รูปแบบ ภาษา และภาพสะท้อนสังคม ที่ปรากฏในเพลงกล่อมเด็กจังหวัดลำปาง และ 2. เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง และความคงอยู่ของเพลงกล่อมเด็กในจังหวัดลำปาง โดยมีวิธีดำเนินการวิจัยภาคสนามและใช้แบบสัมภาษณ์เป็นเครื่องมือในการสำรวจข้อมูลจากกลุ่มประชากร โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มผู้ให้ข้อมูลด้านเนื้อหาของเพลงกล่อมเด็ก จำนวน 12 คน และ 2. กลุ่มผู้ให้ข้อมูลด้านการดำรงอยู่ของเพลงกล่อมเด็ก จำนวน 468 คน ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบเนื้อหาเพลงกล่อมเด็กจังหวัดลำปาง จำแนกได้ทั้งหมด 3 ประเภท ได้แก่ ประเภทที่แบ่งตามทำนองการร้อง ประเภทที่แบ่งตามการใช้คำขึ้นต้น และประเภทที่แบ่งตามวัตถุประสงค์การร้อง โดยประเภทที่แบ่งตามทำนองการร้องประกอบด้วยเนื้อเพลง 4 ประเภท ได้แก่ ประเภทอื่อ ประเภทค่าว ประเภทจ๊อย และประเภทซอ ส่วนประเภทที่แบ่งตามการใช้คำขึ้นต้น ประกอบด้วยเนื้อเพลง 2 ลักษณะ ได้แก่ ลักษณะที่ขึ้นต้นด้วยข้อความว่า สิกจุ้งจา และลักษณะที่ขึ้นต้นด้วยข้อความว่า อี่เอ้ยเหย ส่วนประเภทที่แบ่งตามวัตถุประสงค์พบเนื้อหาเพลงที่ใช้ในการขู่ให้กลัว โดยรูปแบบเนื้อหาเพลงกล่อมเด็กทุก ๆ ประเภทจะไม่มีการเน้นรูปแบบการแต่งที่ตายตัวแม้จะเป็น เนื้อร้องที่จัดอยู่ในประเภทเดียวกันก็อาจจะมีรูปแบบแตกต่างกันได้ โดยขึ้นอยู่กับวิธีการร้องและวิธีการถ่ายทอดของผู้ร้องเป็นหลัก ในด้านภาษาพบภาษาถิ่นเหนือทั้งสิ้น 397 คำ โดยจำแนกตามชนิดของคำได้ทั้งหมด 6 ชนิด ซึ่งคำที่พบมากที่สุดคือ คำนาม จำนวน 180 คำ คำกริยา จำนวน 146 คำ คำวิเศษณ์ จำนวน 55 คำ คำบุพบท จำนวน 8 คำ คำสรรพนาม จำนวน 7 คำ และคำสันธาน จำนวน 1 คำ ตาม ลำดับ โดยคำนามที่พบมากที่สุดจะเป็นคำนามที่อยู่ในหมวดสัตว์ หมวดพืช หมวดสิ่งปลูกสร้างและหมวด สถานที่ ซึ่งคำนามเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าเพลงกล่อมเด็กจะมีเนื้อหาที่มีความเกี่ยวโยงกับธรรมชาติโดยมักกล่าวถึงสัตว์ ต้นไม้ ภูเขา หรือสภาพแวดล้อมต่าง ๆ อันสะท้อนให้เห็นอัตลักษณ์ท้องถิ่นจังหวัดลำปางอย่างเห็นได้ชัด ในด้านภาพสะท้อนสังคมพบทั้งหมด 11 ด้าน ประกอบด้วย 1. ภาพสะท้อนสังคมด้านวัฒนธรรม 2. ภาพสะท้อนสังคมด้านการติดต่อสื่อสาร 3. ภาพสะท้อนสังคมด้านข้อห้ามและความเชื่อ 4. ภาพสะท้อนสังคมด้านความเป็นอยู่ 5. ภาพสะท้อนสังคมด้านความรัก 6. ภาพสะท้อนสังคมด้านบทบาทหน้าที่ 7. ภาพสะท้อนสังคมด้านปรัชญา คำสอน 8. ภาพสะท้อนสังคมด้านภูมิปัญญา 9. ภาพสะท้อนสังคมด้านอัตลักษณ์ 10. ภาพสะท้อนสังคมด้านอาชีพ 11. ภาพสะท้อนสังคมด้านสาธารณูปโภคและสาธารณสุข ซึ่งแต่ละด้านล้วนเป็นเครื่องมือที่สะท้อนให้เห็นสภาพสังคมในจังหวัดลำปางเมื่อคราอดีตได้อย่างชัดเจน ในด้านปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเพลงกล่อมเด็กจังหวัดลำปางพบปัจจัยทั้งสิ้น 3 ด้าน คือ 1. ช่วงอายุ 2. ระดับการศึกษา และ 3. การพัฒนาทางเทคโนโลยี โดยพบว่าช่วงอายุที่ 1 (อายุ 15-25 ปี) และช่วงอายุที่ 2 (35-45 ปี) มีความนิยมนำเอาเพลงทั่วไปในปัจจุบันหรือเพลงจากภาคอื่นๆ มาใช้ในการกล่อมเด็ก ส่วนในช่วงอายุที่ 3 (55-65 ปี) ยังคงนำเอาเพลง กล่อมเด็กในแบบโบราณล้านนามาใช้ในการกล่อมซึ่งจะเห็นได้ว่าช่วงอายุที่แตกต่างถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงเนื้อร้องของเพลงกล่อมเด็ก ส่วนปัจจัยด้านระดับการศึกษาพบว่า ผู้ที่มีการศึกษาที่สูงกว่าจะมีวิธีการเลือกเพลงที่นำมาใช้ในการร้องกล่อมอย่างหลากหลาย ตลอดจนรู้จักวิธีการค้นคว้าข้อมูลมากยิ่งขึ้น ทำให้สามารถเลือกเพลงได้จากหลายช่องทางหรือสามารถนำเอาเพลงต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ในการกล่อมได้ดีกว่า นอกจากนี้เทคโนโลยีอันทันสมัยก็เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ลักษณะการกล่อมเด็กเปลี่ยนแปลงไป ดังพบว่า มีการเปิดเพลงจากโทรศัพท์ จากเทปเสียง หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ให้เด็กฟังแทนการร้องกล่อมเหมือนในอดีต ตลอดจนในบางครั้งยังอาจมีการปรับ เปลี่ยนเนื้อหาหรือเนื้อร้องของเพลงไปตามสภาพอารมณ์หรือสภาพสังคมในปัจจุบันด้วย ส่วนในด้านความคงอยู่ของเพลงกล่อมเด็ก พบว่า เพลงกล่อมเด็กยังคงอยู่ในสังคมปัจจุบัน แม้จะมีแนวโน้มลดลงค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับสมัยก่อนก็ตาม โดยจะพบมากในสังคมชนบทซึ่งยังคงมีการร้องกล่อมเด็กอยู่บ้างแต่อาจจะมีการปรับเปลี่ยน วิธีการหรือเนื้อร้องไปตามสถานการณ์ปัจจุบัน
Abstract: The objectives of research were to 1) analyze the pattern, language, and social reflection of the lullabies from Lampang province, 2) analyze the factors affected the changes and existence of lullabies in Lampang province. The research methods were fieldwork and interview form for surveying the informants. The informants divided into 2 groups were 12 informants for lullaby contents and 468 informants for the existence of lullabies. The research found that, the patterns of Lampang lullabies divided into 3 types were rhythms, introduced words, and objectives. The rhythms of lullabies had 4 styles of singing; Aeu, Khaw, joy, and Saw. The introduced words of lullabies were Sigjoongja, E-aei hei and the objectives of singing consisted of soothing, teaching, and threatening, respectively. The patterns of these lullabies were not been strict even though they were the same styles. The lullabies would be changed by styles of singers. The language of lullabies found 397 Northern dialect words in total. These words were classified into 6 types. The most found was Noun (180 words), Verb (146 words), Adverb (55 words), Preposition (8 words), Pronoun (7 words), and Conjunction (1 word). The most found Nouns were about animal, plant, and building-place. These nouns reflected apparently that the lullabies related to natures reflecting the local identity of Lampang province. The social reflection found 11 facets of society consisted of 1) culture, 2) communication, 3) taboo and beliefs, 4) livelihood, 5) love, 6) role and duty, 7) philosophy and teaching, 8) wisdom, 9) identities, 10) career, and 11) infrastructure and public health. All facets were a tool reflecting clearly about the social condition of Lampang in the past. Factors affected the lullabies of Lampang came from age range, education level, and technology development. The age range showed that the first generation (15-25 years old) and the second generation (35-45 years old) admired to use the modern popular songs or borrowed the lullabies from other areas. The third generation (55-65 years old) still used the old version of them. The difference of age ranges affected the lyrics of lullabies. The education level showed that the higher education they had, the more variety of songs they used. The technology development replaced the way of singing with turning on mobile phone, cassette, and other media. the lyrics and content were adapted following the mood of singer and social condition as well. The lullabies were existed at present but tended to decrease extremely because there were found mostly in rural areas. In addition, the way of singing and lyrics were changed following the current situation.
มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
Address: ลำปาง
Email: lprulibrary1@gmail.com
Role: ประธานกรรมการที่ปรึกษา
Role: กรรมการ
Role: กรรมการ
Created: 2564
Modified: 2566-09-11
Issued: 2566-09-11
วิทยานิพนธ์/Thesis
application/pdf
CallNumber: วจ 781.62 อ17ว
tha
©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง
RightsAccess:
ลำดับที่.ชื่อแฟ้มข้อมูล ขนาดแฟ้มข้อมูลจำนวนเข้าถึง วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1 53 อรทัย สุขจ๊ะ.pdf 6.96 MB8 2025-09-04 15:46:16
ใช้เวลา
0.053194 วินาที

ดร.ขนิษฐา ใจมโน
Title Creator Type and Date Create
วรรณกรรมเพลงกล่อมเด็กจังหวัดลำปาง
มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง
ดร.ขนิษฐา ใจมโน ;รองศาสตราจารย์ ดร.สนม ครุฑเมือง;รองศาสตราจารย์ ดร.บุญเหลือ ใจมโน
อรทัย สุขจ๊ะ
วิทยานิพนธ์/Thesis
รองศาสตราจารย์ ดร.สนม ครุฑเมือง
Title Creator Type and Date Create
วรรณกรรมเพลงกล่อมเด็กจังหวัดลำปาง
มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง
ดร.ขนิษฐา ใจมโน ;รองศาสตราจารย์ ดร.สนม ครุฑเมือง;รองศาสตราจารย์ ดร.บุญเหลือ ใจมโน
อรทัย สุขจ๊ะ
วิทยานิพนธ์/Thesis
รองศาสตราจารย์ ดร.บุญเหลือ ใจมโน
Title Creator Type and Date Create
วรรณกรรมเพลงกล่อมเด็กจังหวัดลำปาง
มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง
ดร.ขนิษฐา ใจมโน ;รองศาสตราจารย์ ดร.สนม ครุฑเมือง;รองศาสตราจารย์ ดร.บุญเหลือ ใจมโน
อรทัย สุขจ๊ะ
วิทยานิพนธ์/Thesis
Copyright 2000 - 2025 ThaiLIS Digital Collection Working Group. All rights reserved.
ThaiLIS is Thailand Library Integrated System
สนับสนุนโดย สำนักงานบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
328 ถ.ศรีอยุธยา แขวง ทุ่งพญาไท เขต ราชเทวี กรุงเทพ 10400 โทร. โทร. 02-232-4000
กำลัง ออน์ไลน์
ภายในเครือข่าย ThaiLIS จำนวน 8
ภายนอกเครือข่าย ThaiLIS จำนวน 1,332
รวม 1,340 คน

More info..
นอก ThaiLIS = 63,329 ครั้ง
มหาวิทยาลัยสังกัดทบวงเดิม = 1,135 ครั้ง
มหาวิทยาลัยราชภัฏ = 47 ครั้ง
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล = 17 ครั้ง
มหาวิทยาลัยสงฆ์ = 1 ครั้ง
มหาวิทยาลัยเอกชน = 1 ครั้ง
รวม 64,530 ครั้ง
Database server :
Version 2.5 Last update 1-06-2018
Power By SUSE PHP MySQL IndexData Mambo Bootstrap
มีปัญหาในการใช้งานติดต่อผ่านระบบ UniNetHelp


Server : 8.199.136
Client : Not ThaiLIS Member
From IP : 216.73.216.133