การพัฒนาแบบทดสอบวินิจฉัยที่ดำเนินการสอบโดยใช้คอมพิวเตอร์กลุ่มสาระการ เรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2

The Development of Computerized Diagnostic Test in Mathematics Learning on Fraction for Prathomsuksa 5 Students under Buriram Primary Educational Service Area Office 2

Name: รัตนา แก้วกล้า

Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) สร้างแบบทดสอบวินิจฉัยที่ดำเนินการสอบโดยใช้ คอมพิวเตอร์กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 2) หาคุณภาพแบบทดสอบวินิจฉัย ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 และ 3) ศึกษาผลการใช้แบบทดสอบ วินิจฉัยข้อบกพร่องของผู้เรียนที่ดำเนินการสอบโดยใช้คอมพิวเตอร์ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์เรื่อง เศษส่วน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 718 คน จาก 24 โรงเรียน ได้มาโดย การสุ่มแบบแบ่งชั้น เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบทดสอบวินิจฉัย จำนวน 6 ฉบับ ดังนี้ 1) การเปรียบเทียบเศษส่วน 2) การบวกเศษส่วน 3) การลบเศษส่วน 4) การคูณเศษส่วน 5) การหารเศษส่วน และ 6) โจทย์ปัญหาเศษส่วน ทำการทดลองใช้เครื่องมือ 3 ครั้ง สถิติพื้นฐานที่ใช้ ในการวิจัย ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติที่ใช้ในการตรวจสอบคุณภาพ ของแบบทดสอบ ได้แก่ ค่าความเที่ยงตรงตามเนื้อหาโดยใช้ค่าดัชนีความสอดคล้องโดยวิธีโรวิเนลลี และแฮมเบิลตัน ค่าความยาก ค่าอำนาจจำแนกโดยใช้ B - Index ของเบรนแนน และค่าความเชื่อมั่นโดยใช้วิธีของโลเวทท์ ผลการวิจัยปรากฏ ดังนี้ 1. แบบทดสอบวินิจฉัยที่ดำเนินการสอบโดยใช้คอมพิวเตอร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 จำนวน 6 ฉบับ มีจำนวนข้อสอบทั้งหมด 62 ข้อ 2. คุณภาพของแบบทดสอบ มีค่าความเที่ยงตรงตั้งแต่ 0.95 - 1.00 การทดสอบครั้งที่ 1 มีค่าความยากตั้งแต่ .19 ถึง .90 และค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ .09 ถึง .76 การทดสอบครั้งที่ 2 มีค่า ความยากตั้งแต่ .17 ถึง .80 และค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ .17 ถึง .67 และการทดสอบครั้งที่ 3 มีค่า ความยากตั้งแต่ .41 ถึง .72 ค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ .33 ถึง .77 และมีค่าความเชื่อมั่นตั้งแต่ 0.71 - 0.83 3. ผลการใช้แบบทดสอบโดยใช้คอมพิวเตอร์วินิจฉัยข้อบกพร่องของผู้เรียนที่ดำเนินการ สอบโดยใช้คอมพิวเตอร์ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์เรื่อง เศษส่วน สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 พบว่า เป็นโปรแกรมที่ใช้งานง่าย ครูผู้สอนสามารถติดตั้งโปรแกรมได้ด้วย ตนเอง มีความสะดวกรวดเร็วในการทำแบบทดสอบ ประหยัดกระดาษ มีการรายงานผลของโปรแกรม ได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว นักเรียนสามารถทราบผลการทำแบบทดสอบได้ทันที แต่ยังต้องมีการใช้ กระดาษในการทด ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์เก่าบางเครื่องไม่รองรับโปรแกรมต้องรอนานในการดาวน์โหลด และสามารถค้นหาข้อบกพร่องของนักเรียนได้จากแบบทดสอบซึ่งพบข้อบกพร่องมากที่สุด ดังนี้ ฉบับที่ 1 การเปรียบเทียบเศษส่วน นักเรียนไม่ทำส่วนให้เท่ากันก่อนเปรียบเทียบ ฉบับที่ 2 การบวกเศษส่วน นักเรียนนำตัวเศษบวกตัวเศษ ตัวส่วนบวกตัวส่วน ฉบับที่ 3 การลบเศษส่วน นักเรียนนำตัวเศษลบตัวเศษ ตัวส่วนลบตัว ฉบับที่ 4 การคูณเศษส่วน นักเรียนกลับเศษเป็นส่วน ของตัวคูณแล้วคูณกัน ฉบับที่ 5 การหารเศษส่วน นักเรียนเปลี่ยนเครื่องหมายหารเป็นคูณ โดยไม่นำตัวหารกลับเศษเป็นส่วน และฉบับที่ 6 โจทย์ปัญหาเศษส่วน นักเรียนไม่เข้าใจหลักการแก้โจทย์ ปัญหาการบวก ลบเศษส่วน

Abstract: The objectives of this research were 1) to construct a computerized diagnostic test in mathematics learning on fractions for Prathomsuksa 5 students under Buriram Primary Educational Service Area Office 2, 2) to validate the computerized diagnostic test in mathematics learning on fractions for Prathomsuksa 5 students under Buriram Primary Educational Service Area Office 2; and 3) to study the results of the computerized diagnostic test in mathematics learning on fraction for Prathomsuksa 5 students under Buriram Primary Educational Service Area Office 2. The sample consisted of 718 Prathomsuksa 5 students from 24 schools under Buriram Primary Educational Service Area Office 2 in the first semester of academic year 2020 selected by stratified random sampling. There were six diagnostic tests used as the instruments as follows: 1) Fraction Comparison, 2) Plus Fraction, 3) Minus Fraction, 4) Multiplied Fraction, 5) Divide Fraction and 6) Problem Fraction. The research instruments were used for three times. The statistics used for analyze the data were percentage, mean and standard deviation. The statistics used to investigate the quality of the test included the content validity by using consistency index value of Rovinelli and Hambleton, the difficulty index (p), the discrimination index (r) by using B- Index of Brennan, and the reliability using Lovett's method. The results showed that: 1. The computerized diagnostic test in mathematics learning on fraction for Prathomsuksa 5 students under Buriram Primary Educational Service Area Office 2 comprised six tests with 62 items in total. 2. Regarding the quality of the test, the content validity was at 0.95 -1.00. The first implementation had the difficulty index (p) of .19.90 and the discrimination index (r) of .09.76. The second implementation had the difficulty index (p) of .17 - .80 and the discrimination index (r) of .17 - .67. For the third implementation, the difficulty index (p) was .41.72, the discrimination index (r) was .33 .77 and the reliability level was 0.71 -0.83. 3. The results of the use of computerized diagnostic test in mathematics learning on fraction for Prathomsuksa 5 students was found to be an easy-to-use program. Teachers can install the program on their own, the tests be made conveniently, save paper, and have the results of the program were reported properly, and quickly. Moreover, students can immediately know the results of the test. However paper must be used for taking the test and some old computers that do not support the program take a long time to download. Besides, teachers can diagnose the students' performance in which from the test in which the most founded problems were: 1. Fractal comparisons in which the students do not equlize the parts before comparing, 2. Fractal addition in which the students add the numerator with the numerator, the denominator with the denominator, 3. Fractal subtraction in which the students take the numerator minus the numerator, the denominator minus the denominator, 4. Fractional multiplication in which the students invert fractions into multiplier parts and then multiplying them, 5. Fractal division in which the students change the division sign into multiplication without taking the numerators into denominator and 6. Fractional problem in which the students do not understand the principle of solving the addition and subtraction problem.

มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์. ศูนย์วิทยบริการ

Address: บุรีรัมย์

Email: library@bru.ac.th

Name: ฐิตาภรณ์ เวียงวิเศษ

Role: ที่ปรึกษาหลัก

Name: สุชาติ หอมจันทร์

Role: ที่ปรึกษาร่วม

Created: 2565

Modified: 2566-08-25

Issued: 2566-07-20

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

tha

DegreeName: ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: วิจัยและประเมินผลการศึกษา

Grantor: มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์

©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	Rattana_Kaewkla.pdf	47.96 MB	37	2025-10-15 10:29:12

ใช้เวลา

0.034801 วินาที