รายงานการวิจัยพลิกวิกฤติเป็นโอกาส การสื่อสารเพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ระดับนานาชาติภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)

พลิกวิกฤติเป็นโอกาส การสื่อสารเพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ระดับนานาชาติภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)

Turning crisis into opportunity a communication approach to enhance Thailand as the international center of medical hub thereafter the COVID-19 pandemic

Name: ปุณฑริกา รวิกุล

Organization : วิทยาลัยนานาชาติ. ภาควิชาบริหารธุรกิจ

Email : puntarika.r@ic.kmutnb.ac.th

ThaSH: โควิด-19 (โรค) ในสื่อมวลชน

Classification :.LCCS: RA423.2

ThaSH: การสื่อสาร -- วิจัย

ThaSH: ชาวไทย -- ทัศนคติ

ThaSH: บุคลากรทางการแพทย์ -- ทัศนคติ

ThaSH: การสื่อสารความเสี่ยงด้านสุขภาพ

Abstract: จากความสำเร็จในการจัดการระบบสาธารณสุขภายใต้ข้อจำกัดมากมายในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ โรคติดเชื้อโควิด-19 ผลักดันให้นโยบายศูนย์กลางทางการแพทย์ระดับนานาชาติของประเทศไทยเข้าใกล้ความจริงยิ่งขึ้น งานวิจัยชิ้นนี้จึงมีขึ้นเพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยแห่งความสำเร็จของไทยในการรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 และ 2) ศึกษาแนวทางการสื่อสารประชาสัมพันธ์ในส่วนของเนื้อหาสาร เพื่อเน้นย้ำให้เกิดความเชื่อมั่นในศักยภาพทางการแพทย์ของไทยภายหลังสิ้นสุดสถานการณ์ โดยใช้วิธีวิจัยแบบผสม เก็บข้อมูลทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพจากทั้งบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนชาวไทยผู้ได้รับผลประทบโดยตรงจากวิกฤติดังกล่าว ในฐานะผู้ให้และผู้รับบริการทางการแพทย์ในประเทศไทย จากผลวิจัยเชิงปริมาณ ความคิดเห็นที่มีต่อความสามารถในการควบคุมโรคติดเชื้อควิด-19 ของประเทศไทยอยู่ในระดับปานกลาง โดยปัจจัยความสำเร็จ 3 อันดับแรกคือ 1) ด้านระบบห้องปฏิบัติการแห่งชาติเพื่อยืนยันการติดเชื้อ 2) ด้านการเฝ้าระวัง การสอบสวนโรค และการติดตามผู้สัมผัสเชื้อ และ 3) ด้านการสื่อสารของภาครัฐและเอกชน การมีส่วนร่วมของชุมชน ทั้งนี้ผลการวิจัยเชิงคุณภาพยังพบว่าจุดแข็งในการควบคุมโรคของไทยประกอบด้วยความสามารถของบุคลากรทางกรแพทย์ไทย ความร่วมมือร่วมใจของประชนชนในชาติ และการสื่อสารให้ความรู้เกี่ยวกับโรคจากทั้งภาครัฐบาลและเอกชน จากผลวิจัยเชิงปริมาณ ความคิดเห็นที่มีต่อศักยภาพทางการแพทย์ของไทยในฐานะศูนย์กลางทางการแพทย์ระดับนานาชาติจากความสามารถในการควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่ในระดับป่านกลาง โดย 3 อันดับแรกคือ 1) ด้านการพัฒนาบริการรักษาพยาบาล 2 ด้านการพัฒนาบริการเพื่อส่งเสริมสุขภาพ/ ด้านการพัฒนาบริการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก/ ด้านพัฒนาบริการวิชาการและงานวิจัยทางการแพทย์ และ 3) ด้านความสามารถในการแข่งขันด้านการจัดบริการสุขภาพ/ ด้านการพัฒนายาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ ทั้งนี้ผลการวิจัยเชิงคุณภาพยังพบว่าจุดแข็งทางการแพทย์ของไทยประกอบด้วยความสามารถของบุคลากรทางการแพทย์ การบริการที่เป็นเลิส สถานพยาบาลได้มาตรฐานสากล และราคาที่ย่อยเยากว่าต่างประเทศ จากผลวิจัยเชิงปริมาณ ความคิดเห็นต่อการสื่อสารประชาสัมพันธ์การแพทย์ของไทย เมื่อพิจารณาถึงความสามารถในการควบคุมโรคติดเชื้อโควิด-19 อยู่ในระดับปานกลาง โดยมีเนื้อหาที่ควรนำเสนอ 3 อันดับแรกคือ 1) ด้านการต่อยอดประสบการณ์การรับมือการระบาดของโรคติดเชื้อในอดีต 2) ด้านการมีข้อมูลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ดี 3) ด้านวิธีการแบบบูรณาการทุกภาคส่วน การมีส่วนร่วมของภาควิชาการและเอกชน นอกจากนี้ความคิดเห็นเมื่อพิจารณาถึงศักยภาพทางกรแพทย์ของไทย อยู่ในระดับมาก โดยมีเนื้อหาที่ควรนำเสนอ 3 อันดับแรกคือ 1) ด้านความสามารถและการพัฒนาศักยภาพของสถาบันการศึกษาทางการแพทย์ 2) ด้านการพัฒนาศักยภาพและเพิ่มการผลิตบุคลากรทางการแพทย์ 3) ด้านการพัฒนาบริการวิชาการและงานวิจัยทางการแพทย์ ทั้งนี้จากผลวิจัยเชิงคุณภาพ ประเด็นที่ควรเผยแพรในสื่อประชาสัมพันธ์ในฐานะศูนย์กลางทางการแพทย์ระดับนานาชาติ ภายหลังสิ้นสุดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คือศักยภาพของบุคลากรทางการแพทย์ประสบการณ์การบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายใต้ทรัพยากรที่จำกัดการให้บริการทางการแพทย์ที่เป็นเลิศระดับสากล และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ กล่าวโดยสรุป ทั้งบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนชาวไทยเห็นตรงกันว่า ความสามารถในการควบคุมโรคติดเชื้อโควิด-19 และศักยภาพทางการแพทย์ในการพัฒนาเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ระดับนานาชาติของประเทศไทยอยู่ในระดับปานกลาง ทั้งนี้เพื่อสร้างให้เกิดความเชื่อมั่นในศักยภาพทางการแพทย์ของไทยในฐานะศูนย์กลางทางการแพทย์ระดับนานาชาติภายหลังสิ้นสุดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ควรเน้นย้ำเนื้อหาสารเกี่ยวกับศักยภาพของบุคลากรทางการแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแพทย์ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่โดดเด่นที่สุด

Abstract: The success of managing the public health system under many restrictions during the COVID-19 epidemic pushed Thailand's international medical hub policy closer to reality. This research, therefore, aims to 1) study factors of Thailand's success in coping with the spread of COVID-19 and 2) study public relations communication guidelines in terms of content to emphasize confidence in Thailand's medical potential after the end of the situation. The data were collected by quantitative and qualitative research from medical professionals and Thai people directly affected by the crisis. From quantitative research, the opinions toward the ability to control the infectious disease COVID-19 in Thailand are at a moderate level. The top 3 key success factors were 1) the national laboratory system for infection confirmation, 2) surveillance, disease investigation, and contact tracing, and 3) public communications for gaining community involvement. The qualitative research results also showed that Thailand's disease control strengths consisted of the competence of Thai medical personnel, the cooperation of the Thai people, and communication to educate about the disease from both the government and private sectors. From quantitative research, the opinions toward Thailand's medical potential as an international medical hub based on its ability to control COVID-19 are at a moderate level. The top 3 key success factors are 1) Medical services, 2) Health support services/ Thai traditional and alternative medicine services/ Academic services and medical research, and 3) Competitiveness in health service provision/ development of medicines and health products. The qualitative research also found that Thailand's medical strengths consist of the ability of medical personnel, excellent service mind, international standard hospitals, and reasonable prices. From quantitative research, considering the ability to control the infectious disease COVID19, the opinions toward medical public relations communication are moderate. The top 3 contents that should be presented are 1) the extension of experience in dealing with past infectious disease outbreaks, 2) the availability of good scientific data and evidence, and 3) the integrated approach to all sector, both academic and private participation. Moreover, considering the medical potential of Thailand, the opinions toward medical public relations communication are high. The top 3 contents that should be presented are 1) the potential development of medical schools, 2) the potential development and increase of medical personnel production, and 3) the Development of academic services and medical research. From the qualitative research results, as an international medical hub, contents that should be published are the potential of medical personnel, experiences in managing the epidemic situation of COVID-19 under limited resources, excellence of medical services, and medical tourism. In summary, both medical personnel and Thai people agreed that ability to control infectious disease COVID-19 and the potential to develop into an international medical hub of Thailand is moderate. To build confidence in the medical potential of Thailand as a medical hub, emphasis should be placed on the potential of medical personnel, especially Thai physicians who are the most outstanding strength.

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ. สำนักหอสมุดกลาง

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: library@kmutnb.ac.th

Name: งานวิจัยนี้ได้รับทุนสนับสนุนนักวิจัยรุ่นใหม่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

Role: ผู้ให้ทุน

Created: 2564

Modified: 2566-07-04

Issued: 2566-07-04

งานวิจัย/Research report

application/pdf

tha

©copyrights มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	b17601319.pdf	6.25 MB	14	2025-07-08 23:38:38

ใช้เวลา

0.035815 วินาที