ผลของการคลุมเศษใบอ้อยร่วมกับการจัดการธาตุอาหารต่อปริมาณคาร์บอนอินทรีย์และมหธาตุในดิน จังหวัดสระแก้ว

Effect of sugarcane trash mulching with nutrient management on soil organic carbon and macronutrient content, Sa Kaeo province

Name: ฤทัย พริกมาก

ThaSH: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ -- วิทยานิพนธ์. วท.ม. (ปฐพีวิทยา) 2560

Classification :.LCCS: S667.S9

ThaSH: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. สาขาปฐพีวิทยา -- วิทยานิพนธ์

ThaSH: อ้อย -- ดิน

ThaSH: ธาตุอาหารพืช

Abstract: ศึกษาผลของการคลุมเศษใบอ้อยร่วมกับการจัดการธาตุอาหาร เพื่อศึกษาอิทธิพลและอิทธิพลร่วมของ การจัดการเศษใบอ้อยกับระยะเวลาของการคลุมเศษใบอ้อยต่อปริมาณคาร์บอนอินทรีย์ มหธาตุสมบัติบางประการของดิน รวมถึงการเจริญเติบโตและการให้ผลผลิตของอ้อยตอแรกโดยศึกษาภายใต้รูปแบบการจัดการเศษใบอ้อย 4 รูปแบบ จำนวน 3 ซ้ำ ได้แก่ ไม่เผาใบอ้อยก่อนเก็บเกี่ยวและนำเศษใบอ้อยออกจากผิวดินร่วมกับใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน (T1), ไม่เผาใบอ้อยก่อนเก็บเกี่ยวและคลุมเศษใบอ้อยที่ผิวดิน ร่วมกับใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน (T2),ไม่เผาใบอ้อยก่อนเก็บเกี่ยวและคลุมเศษใบอ้อยที่ผิวดิน ร่วมกับใส่ปุ๋ยแบบเกษตรกร (T3) และ เผาใบอ้อยก่อนเก็บเกี่ยว ร่วมกับใส่ปุ๋ยแบบเกษตรกร (T4) ทำการทดลองในแปลงปลูกอ้อยตอแรกในจังหวัดสระแก้ว วิเคราะห์ปริมาณคาร์บอนอินทรีย์และไนโตรเจนทั้งหมดในเศษใบอ้อยทุก 2 เดือน (เดือนที่ 0, 2, 4, 6, 8, และ12) วิเคราะห์ปริมาณมหธาตุในดิน สมบัติทางเคมีและฟิสิกส์บางประการของดินทุก 4 เดือน (เดือนที่ 0, 4, 8และ 12) บันทึกข้อมูลการเจริญเติบโตและผลผลิตอ้อยตอแรก และวิเคราะห์ความแปรปรวนและเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยด้วยโปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ ผลการศึกษาพบว่า ปริมาณคาร์บอนอินทรีย์ คาร์บอนอินทรีย์ส่วนที่เปลี่ยนแปลงได้ง่าย และไนโตรเจน รวมในดินไม่แตกต่างกันระหว่างรูปแบบการจัดการทั้ง 4 รูปแบบในช่วงระยะ 12 เดือนของอ้อยตอแรก แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามระยะเวลาของการคลุมเศษใบอ้อยในรูปแบบที่มีการคลุมเศษใบอ้อย (T2, T3) รูปแบบการคลุมเศษใบอ้อยที่ผิวดินร่วมกับการใส่ปุ๋ยแบบเกษตรกร (T3) ทำให้ฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์มีค่าสูงที่สุดเท่ากับ 3.47 และ 151.02 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ตามลำดับและทำให้ปริมาณซัลเฟตที่สกัดได้ค่าความจุ แลกเปลี่ยนแคตไอออน และกรดที่สกัดได้มีค่าสูงที่สุด เท่ากับ 80.60, 48.44 และ 22.38 เซนติโมลต่อกิโลกรัมตามลำดับ ในขณะที่การคลุมเศษใบอ้อยที่ผิวดินร่วมกับการใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน (T2) ทำให้ค่า C:N ratio ของดินมีค่าต่ำที่สุด เท่ากับ 17.19 ที่ระยะเวลา 4 เดือนหลังจากการคลุมเศษใบอ้อย เป็นช่วงที่เศษใบอ้อยย่อยสลายสมบูรณ์ และเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการไถกลบเศษใบอ้อยลงดิน สำหรับปริมาณแคลเซียมและแมกนีเซียมที่สกัดได้ในดิน มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระหว่าง รูปแบบการจัดการเศษใบอ้อย และระยะเวลาของการคลุมเศษใบอ้อยผลของรูปแบบการจัดการเศษใบอ้อยร่วมกับการจัดการธาตุอาหารต่อการเจริญเติบโต ผลผลิตและคุณภาพน้ำอ้อยพบว่ารูปแบบการจัดการเศษใบอ้อย (P1 P2 และ P3) ไม่มีผลทำให้การเจริญเติบโตผลผลิตต่อไร่และค่า ซี.ซี.เอส ของอ้อยตอแรกแตกต่างกัน A study on effect of sugarcane trash mulching with nutrient management aimed at investigating the effects and interaction effects of cane trash management and time of mulching during growing period of first ratoon cane on soil organic carbon and macronutrient content, some soil physicochemical properties, growth and yield of first ratoon cane in Sa Kaeo Province. The experiment was investigated under 4-different cane trash managements with 3 replications, including without pre-harvest burning and no trash mulching with fertilizer application by soil test (T1), without pre-harvest burning, and trash mulching with fertilizer application by soil test (T2), without pre-harvest burning, and trash mulching with fertilizer application by the local farmer practice (T3) and pre-harvest burning with fertilizer application by the local farmer practice (T4). The research was conducted in fist ratoon cane fields in Sa Kaeo province. The mulched sugarcane residues were analyzed for total carbon and nitrogen contents every 2 months interval (0, 2th, 4th, 6th, 8th and 12th months) and the soil samples from each plot were analyzed at every 4 months interval (0, 4th, 8th, 12th months) for plant nutrients and some physicochemical properties. Growth and yield and juice quality of sugarcane were also recorded. Analysis of variance (ANOVA) and mean comparison were done by statistic computer software. The results found that organic carbon, labile carbon and total nitrogen contents in soil between cane trash managements were not significantly different, but mulching treatment tended to significantly increase with time of mulching. Trash mulching with fertilizer application by the local farmer practice (T3) gave the highest available phosphorus and potassium = 3.47 and 151.02 mg kg-1respectively, and extractable sulfate, cation exchange capacity and extractable acidity = 80.60, 48.44 and 22.38 cmol kg-1respectively. Trash mulching with fertilizer application by soil test (T2) showed the lowest C:N ratio = 17.19. At 4th month after mulching, cane residues were complete decomposed, and was suitable time to incorporate residues into the soil. Whereas, extractable calcium and magnesium were significantly deferent between cane trash management and time. The results of cane trash management on growth yield and juice quality showed that the different cane trash managements showed no significant on 1st ratoon cane growth, yield and commercial cane sugar or C.C.S.

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. สำนักหอสมุด

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: tdckulib@ku.ac.th

Name: ณัฐพล จิตมาตย์

Role: อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์หลัก

Name: เสาวนุช ถาวรพฤกษ์

Role: อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม

Created: 2560

Modified: 2566-05-09

Issued: 2566-05-09

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

URL: https://kasetsart.idm.oclc.org/login?url=https://www.lib.ku.ac.th/KUthesis/2560/reutai-pri-all.pdf

CallNumber: S667.S9.ฤ14

tha

DegreeName: วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: ปฐพีวิทยา

Grantor: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

©copyrights มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	reutai-pri-all.pdf	80.15 MB	1	2024-10-30 16:32:02

ใช้เวลา

0.029219 วินาที