กลไกการซื้อขายไฟฟ้าที่ผลิตจากระบบเซลล์แสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาอาคาร
Electricity trading mechanism generated from photovoltaic solar rooftops
Abstract:
งานวิจัยกลไกการซื้อขายไฟฟ้าที่ผลิตจากระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาอาคาร มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อศึกษาและออกแบบกลไกการซื้อขายไฟฟ้าที่มีการมุ่งเน้นสำหรับเจ้าของอาคารซึ่งเป็นผู้ใช้ไฟฟ้า ที่สามารถผลักดันให้เกิดการมีส่วนร่วมในการผลิตหรือมีการส่งเสริมให้เกิดการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากเซลล์แสงอาทิตย์บนหลังคาอาคาร ซึ่งมีผลสะท้อนถึงการลดลงของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้ไฟฟ้าของอาคาร โดยผู้วิจัยมีได้การออกแบบทางเลือกที่สามารถใช้เป็นกลไกลยืดหยุ่นเพื่อให้เกิดการเข้าสู่การบรรลุเป้าหมายสำหรับอาคารที่ถูกบังคับโดยกฎหมายและนำเสนอแนวทางในการประยุกต์ใช้กับอาคารสิ่งแวดล้อมที่ต้องการได้รับการรับรองหรือการผ่านเกณฑ์การประเมินสถาบันอาคารเขียวไทย ผลการวิจัยแสดงถึง ภายหลังการประยุกต์ใช้กลไกการซื้อขายไฟฟ้า มีผลให้เกิดการลดลงของปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิลซึ่งเกิดจากการถูกทดแทนด้วยหน่วยไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียน โดยผลด้านปริมาณการใช้ไฟฟ้าของประเทศปี 2019 มีปริมาณลดลง 9,647.81 กิกะวัตต์ชั่วโมง บ้านอยู่อาศัย 2,459.79 กิกะวัตต์ชั่วโมง กิจการขนาดเล็ก 1,117.91 กิกะวัตต์ชั่วโมง กิจการขนาดกลาง 1,568.83 กิกะวัตต์ชั่วโมง กิจการขนาดใหญ่ 3,728.83 กิกะวัตต์ชั่วโมง และกิจการเฉพาะอย่าง 339.76 กิกะวัตต์ชั่วโมง โดยสามารถลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้ไฟฟ้าของอาคารทั้ง 5 ประเภทอยู่ที่ 4.58 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ ในกรณีของการนำมาใช้กับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า พ.ศ. 2561-2580 สามารถบรรลุเป้าหมายตามแผนด้านการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ 10,000 เมกกะวัตต์สูงสุด โดยเจ้าของอาคารผู้ขอใช้ไฟฟ้าทุกชนิดต้องทำการติดตั้งเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับผลิตไฟฟ้าบนหลังคาที่ขนาด 426.04 วัตต์สูงสุด Wp) และโครงการโซล่าภาคประชาชน สำหรับบ้านอยู่อาศัย สามารถบรรลุเป้าหมายตามการผลิตติดตั้งสะสม ที่ 1,000 เมกะวัตต์สูงสุด เจ้าของอาคาร ผู้ขอใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยต้องทำการติดตั้งเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับผลิตไฟฟ้าบนหลังคา ครัวเรือนละ 42.60 วัตต์สูงสุด กรณีการประยุกต์ใช้กับบ้านอยู่อาศัยจำนวน 3 ครัวเรือน ผลการวิจัยแสดงถึงการลดลงของปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิลโดยถูกแทนที่ด้วยหน่วยไฟฟ้าที่ผลิตจากเซลล์แสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาใน 1 รอบปี อยู่ที่ 332.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง, 587.35 กิโลวัตต์-ชั่วโมง และ 694.05 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 164.35, 290.15 และ 342.86 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ ตามลำดับ สำหรับแนวทางการนำไปประยุกต์ใช้กับอาคารบังคับตามการกำหนดเกณฑ์การมาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานของอาคาร พบว่าต้องทำการเพิ่มเติมรายละเอียดในส่วน 6 หัวข้อที่ 9 ด้านการใชพลังงานหมุนเวียนในระบบตาง ๆ ของอาคารให้สามารถนำค่าพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้ในอาคาร และการดำเนินการตามกลไกการซื้อขายไฟฟ้าของงานวิจัยนี้ไปหักออกจากค่าการใช้พลังงานรวมของอาคารได้ และในส่วนของอาคารสิ่งแวดล้อม ประเภทอาคารพลังงานสุทธิเป็นศูนย์ เป็นการแนะนำในเชิงหลักการนิยามทางสมการ โดยนำค่าพลังงานจากระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่เกิดจากทางเลือกตามการดำเนินการตามขั้นตอนของกลไกการซื้อขายไฟฟ้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของผลรวมตัวแปรด้านการผลิตไฟฟ้าใช้เองของอาคารเพื่อให้เกิดการเข้าสู่จุดสมดุลพลังงานของอาคาร สำหรับอาคารเขียว ผู้วิจัยได้เสนอแนวทางในการนำค่าพลังงานจากระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เกิดจากทางเลือกตามการดำเนินการตามขั้นตอนของกลไกการซื้อขายไฟฟ้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินในหมวดรายละเอียดการให้คะแนนด้านพลังงานและบรรยากาศ ในหัวข้อการใช้พลังงานหมุนเวียนของอาคาร สำหรับในส่วนของข้อเสนอแนะการนำไปประยุกต์เพื่อใช้ลดผลกระทบรายจ่ายของภาครัฐที่เกิดจากนโยบายด้านการรับซื้อไฟฟ้า โดยการเพิ่มเติมค่าตัวแปรของผู้รับซื้อไฟฟ้าตามการดำเนินการของกลไกการซื้อขายไฟฟ้าจึงสามารถลดค่าใช้จ่ายของภาครัฐลงได้ โดยงานวิจัยนี้ยังสามารถรองรับต่อการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ใช้ไฟฟ้าที่เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าที่เกิดจากการดำเนินแผนการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์บนหลังคา และยังสามารถช่วยให้สามารถลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้ไฟฟ้าของอาคารลงได้อย่างมีนัยสำคัญ
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. หอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
©copyrights มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์