การศึกษาสมบัติของเถ้าบอยเลอร์และกากตะกอนหลังจากการผลิตแก๊สชีวภาพจากอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันเพื่อเป็นวัสดุปลูกพืช

Study the properties of boiler ash and biogas-sludge from oil palm industry for use as plant growing media

Name: กัณฐิกา ยังมณี

ThaSH: วัสดุปลูกพืช -- การใช้ประโยชน์

ThaSH: เถ้า -- การใช้ประโยชน์

ThaSH: อุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน

Abstract: ในประเทศไทยระบบอุตสาหกรรมปาล์มนํ้ามันมีปริมาณของเสียสูงถึง 13.71 ล้านตันต่อปี โดยส่วนใหญ่เป็นเถ้าบอยเลอร์ และกากตะกอนหลังจากการผลิตแก๊สชีวภาพ การศึกษาครั้งนี้มี วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสมบัติของเถ้าบอยเลอร์ และกากตะกอนหลังจากการผลิตแก๊สชีวภาพทั้ง สมบัติทางกายภาพ และทางเคมี ตลอดจนอัตราส่วนที่เหมาะสมของวัสดุทั้งสองประเภทต่อการ เจริญเติบโตของผักสลัดซํ่งเป็นพืชทดสอบ การศึกษาครั้งนี้ประกอบด้วย 5 การทดลอง ตังนี้ การ ทดลองที่ 1 การศึกษาสมบัติเบื้องด้นของเถ้าบอยเลอร์ และกากตะกอนหลังจากการผลิตแก๊ส ชีวภาพ การทดลองที่ 2 ศึกษาการเตรียมวัสดุก่อนนำไปใช้เป็นวัสดุปลูก การทดลองที่ 3 ศึกษา ความสามารถในการปลดปล่อยธาตุอาหารพืชของเถ้าบอยเลอร์ และกากตะกอนหลังจากการผลิต แก๊สชีวภาพ การทดลองที่ 4 อิทธิพลของวัสดุหลังหมัก และวัสดุให้ความพรุนต่อการงอกของด้น กล้าผักกาดหอม และการทดลองที่ 5 ศึกษาอัตราส่วนของวัสดุที่เหมาะสม และผลต่อการ เจริญเติบโตของผักสลัด จากการศึกษาได้ผลการทดลองตังนี้ การทดลองที่ 1 การศึกษาสมบัติ เบื้องต้นของเถ้าบอยเลอร์ และกากตะกอนหลังจากการผลิตแก๊สชีวภาพตลอดระยะเวลา 1 ปีที่,ทำ การเก็บตัวอย่างพบว่า การสุ่มเก็บครั้งที่ 1 ส่งผลให้กากตะกอนหลังจากการผลิตแก๊สชีวภาพมี ความหนาแน่น ความพรุน ช่องว่างขนาดใหญ่ ช่องว่างขนาดเล็ก และการดูดซับนํ้าสูงที่สุด โดย เท่าลับ 0.85 g/cm3 114.22 % 30.57 % 83.66 % และ138.81 % ตามลำดับ ส่วนการสุ่มเก็บเถ้าบอย เลอร์พบว่า การสุ่มเก็บครั้งที่ 2 ส่งผลให้เถ้าบอยเลอร์มีช่องว่างขนาดเล็กสูงที่สุดคือ 69.69 % การ ทดลองที่ 2 ศึกษาการเตริยมวัสดุก่อนนำไปใช้เป็นวัสดุปลูก พบว่า การเตริยมวัสดุโดยการหมัก ก่อนนำไปใช้เป็นวัสดุปลูกส่งผลต่อ pH และ EC (p<0.05) โดยพบว่า ชนิดของวัสดุส่งผลให้ค่า pH มีความแตกต่างลันในวันที่ 15-90 ของการทดลอง โดยค่า pH ของเถ้าบอยเลอร์สูงกว่าค่า pH ของกากตะกอนหลังจากการผลิตแก๊สชีวภาพในวันที่ 30-90 ส่วนรูปแบบของการหมักส่งผลให้ค่า pH แตกต่างลันในวันที่ 90 ของการทดลอง โดยการทิ้งวัสดุไว้ตามธรรมชาติมีค่า pH มากที่สุด (pH = 6.76) และเข้าใกล้กลางมากขึ้นซื้งเหมาะสมในการเป็นวัสดุปลูก การทดลองที่ 3. ศึกษา ความสามารถในการปลดปล่อยธาตุอาหารพืชของเถ้าบอยเลอร์ และกากตะกอนหลังจากการผลิต แก๊สชีวภาพ พบว่า เมื่อบ่มวัสดุที่ระดับความชื้น 60 % ที่อุณหภูมิ 25±2 องศาเชลเซียส เป็นระยะ เวลา 60 วัน พบว่า กากตะกอนหลังจากการผลิตแก๊สชีวภาพมีการปลดปล่อยไนโตรเจนในรูปที่ เป็นประโยชน์สูงกว่าเถ้าบอยเลอร์ เมื่อบ่มวัสดุที่ระยะเวลา 60 วัน กากตะกอนหลังจากการผลิต แก๊สชีวภาพปลดปล่อยแอมโมเนียม และไนเตรทได้ 420.23 mgN/kg และ756.94 mgN/kg ตามลำดับการทดลองที่ 4 อิทธิพลของวัสดุหลังหมัก และวัสดุให้ความพรุนต่อการงอกของด้น กล้าผักกาดหอม พบว่า การทดสอบประสิทธิภาพวัสดุหลังการเตริยมด้วยวิธีการต่างๆต่อการงอก ของด้นกล้าผักกาดหอมโดยใช้เพอร์ไลต์แกลบ หรือเปลือกถั่วลิสง เป็นวัสดุผสมเพื่อเพิ่มความ พรุน พบว่า เถ้าบอยเลอร์หมัก มีเปอร์เซ็นต์การงอกสูงที่สูดคือ 88.52 % ส่วนดัชนีการงอกพบว่า กากตะกอนหลังจากการผลิตแก๊สชีวภาพหมักร่วมลับการเติมเชื้อจุลินทริย์พด. 1 มีค่าดัชนีการ งอกสูงที่สุดคือ 22.74 เปลือกถั่วลิสงมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าเพอไลต์ และแกลบ เมื่องจากทำให้พืช มีเปอร์เซ็นต์การงอก และดัชนีการงอก 85.27 % และ 21.38 ตามลำดับ นำข้อมูลจากการทดลอง ดังกล่าวมาลัดเลือกวัสดุที่มีการปลดปล่อยธาตุอาหารดีที่สุด โดยวัสดุปลูก 4 สูตร ประกอบด้วย สูตรที่ 1 เถ้าบอยเลอร์หมัก+แกลบดิบ สูตรที่ 2 เถ้าบอยเลอร์หมักร่วมลับการใส่เชื้อ พด.1+เปลือก ถั่ว สูตรที่ 3 กากตะกอนหลังจากการผลิตแก๊สชีวภาพหมัก+แกลบดิบ สูตรที่ 4 กากตะกอน หลังจากการผลิตแก๊สชีวภาพหมักร่วมลับการใส่เชื้อพด.1+เปลือกถั่ว และใช้สูตรไทย เกษตรศาสตร์ 1 (ขุยมะพร้าว ปุยคอก ทราย แกลบดิบ ปุ๋ยสูตร 16-16-16 อัตราส่วน 1:2:1:1:0.25 ส่วน) เป็นสูตรเปรยบเทียบ โดยทดสอบปลูกผักสลัด 5 ชนิด ได้แก่ ผักกาดหอม กรนโอ๊ค เรด คอรัล คอส และเรดโอ๊ค การทดลองที่ 5 ศึกษาอัตราส่วนของวัสดุที่เหมาะสม และผลต่อการ เจริญเติบโตของผักสลัด พบว่า ในด้านการเจริญเติบโตวัสดุปลูกสูตรที่ 2 เถ้าบอยเลอร์หมัก ร่วมลับการใส่เชื้อจุลินทริย์พด.1+เปลือกถั่ว สูตรที่ 3 กากตะกอนหลังจากการผลิตแก๊สชีวภาพ หมัก+แกลบดิบ และสูตรที่ 4 กากตะกอนหลังจากการผลิตแก๊สชีวภาพหมักร่วมลับการใส่ เชื้อจุลินทริย์พด.1+เปลือกถั่วเหมาะลำหรับใช้ปลูกผักสลัดทั้ง 5 ชนิด (ผักกาดหอม กรินโอ๊ค เรด โอ๊ค เรดคอรัล และคอส) และส่งผลให้ผักสลัดทั้ง 5 สายพันธุมีการเจริญเติบโตที่ดีกว่าการปลูกใน วัสดุปลูกสูตรไทยเกษตรศาสตร์ 1 การดูดดึงธาตุอาหาร (ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และ โพแทสเซียม) พบว่า วัสดุปลูกสูตรที่ 2 เถ้าบอยเลอร์หมักร่วมลับการใส่เชื้อจุลินทริย์พด.1+เปลือก ถั่ว เหมาะลำหรับใช้ปลูกผักกาดหอม และคอส วัสดุปลูกสูตรที่ 4 กากตะกอนหลังจากการผลิต แก๊สชีวภาพหมักร่วมลับการใส่เชื้อจุลินทรีย์พด.1+เปลือกถั่วเหมาะลำหรับใช้ปลูกกรินโอ๊ค ผัก สลัดที่ปลูกในวัสดุปลูกสูตรที่ 3 กากตะกอนหลังจากการผลิตแก๊สชีวภาพหมัก+แกลบดิบ และ สูตรที่ 4 กากตะกอนหลังจากการผลิตแก๊สชีวภาพหมักร่วมลับการใส่เชื้อจุลินทริย์พด.1+เปลือก ถั่วจะมีความเข้มข้นของธาตุอาหารที่สูงกว่าวัสดุปลูกสูตรอื่นๆ ยกเว้น แมงกานีส และเหล็กซํ่งจะ พบมากในผักสลัดที่ปลูกในวัสดุปลูกสูตรไทยเกษตรศาสตร์ 1 สมบัติทางกายภาพของวัสดุปลูก หลังการทดลองพบว่า สมบัติทางกายภาพของวัสดุสูตรต่างๆแตกต่างลันตามชนิดของวัสดุปลูก เมื่อเปรยบเทียบลับก่อนการทดลองพบว่า สมบัติทางกายภาพส่วนใหญ่คงเติม ยกเว้นช่องว่าง ขนาดใหญ่ และความสามารถในการอุ้มนํ้าที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ด้นทุนการการผลิตวัสดุปลูก ในสูตรที่ 2 เถ้าบอยเลอร์หมักร่วมลับการใส่เชื้อจุลินทริย์พด.1+เปลือกถั่วมีต้นทุนการผลิตต์า ที่สุดเท่าลับ 8.62 บาทต่อกระถาง

สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง. สำนักหอสมุดกลาง

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: Lifelong@kmitl.ac.th

Name: ภัทรารัตน์ เทียมเก่า

Role: อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์

Email : pattrarat.te@kmitl.ac.th

Created: 2565

Modified: 2566-01-17

Issued: 2566-01-17

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

tha

Level: ปริญญาโท

Descipline: เกษตรศาสตร์

Grantor: สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

DegreeName: วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต

©copyrights สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	Kantika Youngmanee.pdf	3.19 MB

ใช้เวลา

0.016539 วินาที