รายงานการวิจัยผลกระทบของการสื่อสารแบบไม่เป็นทางการที่มีต่อความสุขในที่ทำงาน และผลการปฏิบัติงานของพนักงาน

ผลกระทบของการสื่อสารแบบไม่เป็นทางการที่มีต่อความสุขในที่ทำงาน และผลการปฏิบัติงานของพนักงาน

Effects of informal communications on happiness in the workplace and job performance of employees

Name: มานพ ชูนิล

Address: คณะศิลปศาสตร์ประยุกต์. ภาควิชามนุษยศาสตร์

Email : manop@grad.kmutnb.ac.th

ThaSH: การสื่อสารในองค์การ

Classification :.LCCS: HM1166

keyword: ความสุขในการทำงาน

ThaSH: การสื่อสารระหว่างบุคคล

ThaSH: ลูกจ้าง -- ความพอใจในการทำงาน

ThaSH: การสร้างความประทับใจ (จิตวิทยา)

Abstract: การศึกษาาระยะที่ 1 การวิจัยเชิงสำรวจด้วยการวิจัยเอกสาร (Documentary Research) เรื่องบทบาทของการสื่อสารแบบไม่เป็นทางการมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาบทบาทของการสื่อสารแบบไม่เป็นทางการ ประชากร คือ เอกสารที่มีการระบุถึงบทบาทของการสื่อสารแบบไม่เป็นทางการ ทั้งหนังสือ ตำรา บทความวิจัย ฯลฯ กลุ่มตัวอย่าง ได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) โดยเลือกบทความจากฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอยู่ใน 8 ฐานข้อมูล โดยตีพิมพ์ในวารสารต่าง ๆ ปีปัจจุบันและย้อนหลังไปรวม 10 ปี คือตั้งแต่ ค.ศ. 2005 - 2014 เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการวิจัย คือแบบบันทึกเพื่อบันทึกผู้วิจัย ปีที่ตีพิมพ์ และผลการวิจัย คอมพิวเตอร์และฐานข้อมูลที่ใช้ค้นคว้าการเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยใช้เวลาเก็บรวบรวมข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน - 30 พฤศจิกายน 2557 โดยใช้ Keyword ว่า informal communication อยู่ในหัวข้อ (title) หรือบทคัดย่อ (articles) หลังจากนั้นผู้วิจัยจะคัดเลือกเฉพาะบทความวิจัยที่เกี่ยวข้องกับบทบาทของการสื่อสารแบบไม่เป็นทางการ ได้บทความที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 13 บทความ การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยใช้สถิติความถี่มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลผลการวิจัยพบว่าการสื่อสารแบบไม่เป็นทางการ มีบทบาทดังนี้คือ 1. สัมพันธ์กับผลผลิตงานวิจัยและความผูกพันต่อองค์การ 2. การแบ่งปันความรู้ 3. เพิ่มและลดแรงกดดันสำหรับลงมติ 4. สร้างความปรองดองของข่าวสารที่ขัดแย้งกัน 5. เรียนรู้บริษัท 6. ช่วยแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการทำงานในกลุ่มให้ง่ายขึ้น 7. ช่วยกระบวนการประสานงาน 8. ร่วมกันทำงานระหว่างประเทศได้สำเร็จ 9. ปราบคู่ต่อสู้ 10. แก้ไขความไม่แน่นอนและ 11. เรียนรู้ที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อคนอื่น การวิจัยในการศึกษาระยะที่ 2 เป็นการศึกษาเชิงทดลอง แบบแผนการทดลองคือ Pretest-Posttest control Group Design มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. เปรียบเทียบความสุขในที่ทำงานและผลการปฏิบัติงานของพนักงานก่อนและหลังการสื่อสารแบบไม่เป็นทางการด้วยการถามด้วยคำถามอะไรเอ่ย ในกลุ่มทดลองและเปรียบเทียบความสุขในที่ทำงนและผลการปฏิบัติงานของพนักงานก่อนและหลังการสื่อสารแบบไม่เป็นทางการโดยไม่มีการถามด้วยคำถามอะไรเอ่ยในกลุ่มควบคุมและ 2. เปรียบเทียบความสุขในที่ทำงานและผลการปฏิบัติงานระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มตัวอย่าง คือ พนักงานจำนวน 24 คน คัดเลือกหนักงานเข้ากลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมโดยการจับคู่ (Matching ตามประสบการณ์ทำงาน ตัวแปรจัดกระทำ คือ การสื่อสารแบบไม่เป็นทางการด้วยการถามด้วยคำถามอะไรเอ่ย เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามเพื่อประเมินความสุขในที่ทำงาน ผลการปฏิบัติงานของพนักงาน กระดาษ และกาว สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ Paired t-test และOne-Way Multivariate Analysis of Variance (One-way MANOVA) ผลจากการศึกษาพบว่า พนักงานในกลุ่มทดลองมีความสุขในที่ทำงานก่อนการทดลองและหลังการทดลองแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 แต่พนักงานในกลุ่มทดลองมีผลการปฏิบัติงานก่อนและหลังทดลองไม่แตกต่างกัน และก่อนการทดลองและหลังการทดลอง พนักงานในกลุ่มควบคุมมีความสุขในที่ทำงานและผลการปฏิบัติงานไม่แตกต่างกันนอกจากนี้ พบว่ากลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง มีความสุขในที่ทำงานหลังการทดลองแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 แต่หลังการทดลองกลุ่มควยคุมและกลุ่มทดลอง มีผลการปฏิบัติงานไม่แตกต่างกัน นอกจากนี้ พบว่กลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง มีความสุขในที่ทำงานหลังการทดลองแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 แต่หลังการทดลองกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง มีผลการปฏิบัติงานไม่แตกต่างกัน การศึกษาในระยะที่ 3 เป็นการศึกษาเชิงคุณภาพโดยการใช้การอภิปรายกลุ่ม (Focus Group Discussion) และการสัมภาษณ์พนักงาน 12 คน ซึ่งเป็นพนักงานในกลุ่มทดลองในระยะที่ 2 ผลจากการศึกษาการสื่อสารที่ไม่เป็นทางการที่มีผลต่อความสุขในการทำงาน พบว่า ผู้ส่งสารจะต้องพูดในเรื่องที่ชอบ พูดในเรื่องที่ไม่น่าเบื่อ การใช้น้ำเสียงต้องเหมาะสมกับสถานการณ์ที่จะพูดและมีการแสดงออกอย่างเต็มที่ เนื้อหาสาระที่ใช้ในการสื่อสารที่ไม่เป็นทางการ ประกอบไปด้วยเรื่องซุบซิบนินทาหัวหน้างานและผู้มาติดต่อ เรื่องที่ใช้หยอกล้อกับเพื่อนร่วมงาน แฟชั่นและความสวยงามของผู้หญิง เรื่องลามก เรื่องฮือฮาในสังคม เรื่องละครที่วี และกิจกรรมที่ชอบ ช่องทางที่ใช้ในการสื่อสารคือ เครือข่ายทางสังคม (Social Network) การพูดต่อหน้าและโทรศัพท์ ในส่วนของผู้รับสารจะต้องเปิดใจรับฟัง มีอารมณ์ร่วมกับผู้ส่งสาร ต้องโต้ตอบกลับ แสดงออกว่าความคิดเห็นของผู้ส่งสารตรงกับผู้รับสาร และมีการแตะตัวผู้พูดเพื่อเพิ่มอรรถรสในการสนทนา การสะท้อนข้อมูลกลับ จะต้องแสดงความเห็นสอดคล้องกับผู้ส่งสารเพื่อเอาใจ สะท้อนข้อมูลกลับอย่างสนุกสนาน สะท้อนด้วยภาษากายที่เป็นมิตร ไม่ขัดคอและแย่งกัน การสื่อสารที่ไม่เป็นทางการที่มีผลต่อผลการปฏิบัติงาน พบว่า ผู้ส่งสารจะต้องบอกวัตถุประสงค์พูดขอความร่วมมือ และพูดให้กำลังใจ เนื้อหาสาระจะสื่อสารในเรื่อง ผลประโยชน์ที่จะได้รับคำนึงถึงความสำคัญของงานและการชมเพื่อนร่วมงาน ช่องทางในการสื่อสารประกอบด้วย เครือข่ายทางสังคม (Social Network) คุยกันตัวต่อตัว โทรศัพท์ภายใน และโน้ตเล็ก ๆ ผู้รับสารต้องตั้งใจฟังผู้ส่งสารและจดบันทึก ต้องมีสมาธิในขณะสื่อสารหากข้อมูลมีข้อที่น่าสงสัยต้องสอบถามทันที และลงมือปฏิบัติทันทีหลังจากสนทนาเสร็จ การสะท้อนข้อมูลกลับคือ มีการส่งสารกลับไปเพื่อให้เข้าใจตรงกัน มีการทวนคำพูดของผู้ส่งสาร มีการให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมแก่ผู้ส่งสาร มีการแสดงพฤติกรรมเอาใจใส่ผู้ส่งสาร และมีการตอบรับและจะปฏิบัติตามที่สนทนากับผู้ส่งสาร

Abstract: The first phase of the research was a documentary research. The objective is to study the roles of informal communication. Population were documented: textbooks, articles and so on which had mentioned the roles of informal communication. Sample group derived from purposive sampling were articles selected from 8 databases and published in 2005-2014. The research instruments and equipment were research record form, computers and databases. Researcher searched articles in November, 2014 with informal communication for the keyword which was in title, or abstract of articles. Thirteen articles which mentioned the roles of informal communication were selected. The research results revealed the roles of informal communication: related with research productivity and organizational commitment, used for knowledge sharing, used to amplify and defuse pressure, to reconcile the often conflicting secular, to learn about the studied company, to facilitate the solving of problems, to help the process of coordination, to accomplish international collaboration, to sub to resolve uncertainties and to learn to trust or distrust each other. The second phase of the research was an experimental research with pretest- posttest control design. The objectives of this phase are (1) to compare happiness at e workplace and job performance of employees after and before communication with talking in riddles of experimental group and after and before informal communication without talking in riddles of control group and (2) to compare happiness at the workplace and job performance of employees between experimental group and control group. The sample group were 24 employees out of which 12 employees were experimental group and 12 for control group with the matching year of work experience. Treatment of this experiment was informal communication with talking in riddles. The instruments for this research were questionnaires, papers and glue. The statistics used to analyze data were paired t-test and One-way Multivariate of Variance (one-way MANOVA). Between before and after experiment, the results showed employees in experimental group had different level of happiness at the workplace with a significance at .01 level but they did not have different level of job performance. Between before and after experiment, employees in control group did different level of happiness at the workplace and job performance. Besides this results, after experiment, the result showed that experimental group and control group had different level of happiness at workplace with a statistical significance at .01 but experimental group and control group did not have different level of job performance. The third phase of this research was a qualitative research with focus group discussion and interview methods. The objectives of this phase are to explore informal communication: senders, message, channel, receivers and feedback affecting happiness sat the workplace and job performance of employees. The key informants were 12 employees in experimental group from the second phase. For informal communication affecting happiness at the workplace, the results revealed senders must say the topics which they like and must not say boring topics, must use their voice accordance with situations and express lively. Message used should consist of gossips about supervisors and guests, teasing their coworkers, fashion and beauty of women, sexual words, hot news, drama in television and favorite activities. Channels used were social networks, face-to-face conversation, and telephone. Receivers must be willing to listen, have feelings in accord with senders, react to senders, confirm the opinions of senders in accord with receivers in organizations, and touch the bodies of senders to increase amusement. Feedback must be pleasing, with a lot of fun and with friendly nonverbal languages, and no inter when having conversation. For informal communication affecting job performance of employees, the results revealed senders must inform the objectives of jobs, ask for cooperation and speak the words that motivate the receivers. Message should be beneficial for employees who receive them, concern about job significance and praise their coworkers. Channels were social networks, face-to-face conversation, telephones, which are available in organization and small notes. Receivers must pay attention to listen t and take notes, have concentration, ask when having suspect and proceed rapidly after conversation. Feedback were used to inform about the understanding of senders speech with others, restate sender's speech, give suggestion to senders, react and give signals that will be in accord with conversation with senders.

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ. สำนักหอสมุดกลาง

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: library@kmutnb.ac.th

Name: งานวิจัยนี้ได้รับการสนับสนุนจากแหล่งทุนสนับสนุนนักวิจัยทั่วไป มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

Role: ผู้ให้ทุน

Created: 2557

Modified: 2565-12-15

Issued: 2565-12-15

งานวิจัย/Research report

application/pdf

tha

©copyrights มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	B17576556.pdf	82.47 MB	6	2024-12-21 03:27:30

ใช้เวลา

0.030251 วินาที