ทัศนะของเจ้าหน้าที่ตำรวจสายงานป้องกันและปราบปรามสถานีตำรวจภูธรคอหงส์และสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ : กรณีการถอดพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ 5

The attitudes of prevention and suppression of the police officer at Khohong and Hat Yai Police Stations in case of Kratom removal out the fifth category of narcotic drug

Name: พลภัทร เทพสุวรรณ

keyword: พืชกระท่อม

; สภาพปัญหาของยาเสพติด

; การถอดพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ 5

; การลดทอนความเป็นอาชญากรรมทางคดียาเสพติด

Abstract: การศึกษา “ทัศนะของเจ้าหน้าที่ตำรวจสายงานป้องกันและปราบปรามสถานีตำรวจภูธร คอหงส์และสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ กรณีการถอดพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ 5” มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงสภาพปัญหาการใช้พืชกระท่อม ในเขตอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อศึกษาถึงทัศนะของเจ้าหน้าที่ตำรวจสายงานป้องกันและปราบปรามสถานีตำรวจภูธรคอหงส์และ สถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ กรณีการถอดพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ 5 และเพื่อศึกษาแนวทางในการแก้ไขเพื่อการถอดพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ 5 โดยมีวิธีการศึกษาวิจัยเป็นการวิจัยเชิงสำรวจ(Survey Research)กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ทำหน้าที่รับผิดชอบสายงานด้านป้องกันปราบปรามโดยมีนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร 74 คน และนายตำรวจระดับชั้นประทวน 132 คน โดยทำการศึกษาเจ้าหน้าที่ทุกนายโดยไม่มีการสุ่มตัวอย่าง รวมทั้งหมด206 คน การศึกษาใช้วิธีสำรวจโดยใช้แบบสอบถาม ผลการศึกษาพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสายงานป้องกันและปราบปรามมีทัศนะความคิดเห็นสอดคล้องเหมือนกันเป็นส่วนใหญ่ในกรณีการถอดพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ 5 โดยสรุปผลการศึกษาค้นคว้าได้ดังต่อไปนี้ ในด้านปัญหาเกี่ยวกับการใช้พืชกระท่อมในพื้นที่เป้าหมาย นั้นพบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ เห็นว่าการนำใบกระท่อมเคี้ยวนั้นไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาใด ๆ ต่อความสงบสุขของสังคม เพราะในสมัยก่อนมีการใช้พืชกระท่อมโดยการเคี้ยวเพื่อช่วยให้มีแรงทำงานได้นานขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีอาชีพเกษตรกรรมหรืออาชีพประมงที่ต้องอยู่กลางแดดจัดเป็นเวลานาน ๆ มักจะเคี้ยวใบกระท่อมทุกวันเป็นกิจวัตรประจำวัน ในด้านทัศนะของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กรณีการถอดพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ 5พบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีทัศนะที่เห็นด้วยว่าควรที่จะถอดพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดโดยมีความเห็นว่าพืชกระท่อมสามารถนำมาทำเป็นยาสมุนไพรหรือนำมาเป็นส่วนผสมหนึ่งของตัวยาแผนโบราณที่เอาไว้รักษาโรคขนานต่างๆของไทยได้ตามที่มีบันทึกไว้ในตำรายาแผนโบราณของไทยอีกด้วย ในด้านแนวทางแก้ไขเพื่อถอดพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ 5 พบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นด้วยกับแนวทางในการใช้หลักการการลดทอนความเป็นอาชญากรรม(Decriminalization)มาบังคับใช้กับพืชกระท่อม เพราะสามารถช่วยลดทอนความผิดทางอาญาในคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดแต่เป็นคดีที่ไม่ร้ายแรง โดยไม่ต้องนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางอาญา เป็นการลดปริมาณคดีและขั้นตอนการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของผู้ที่มีสถานะเป็นเพียงผู้เสพหรือผู้ป่วยในทางการแพทย์เท่านั้น และสามารถลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลในส่วนที่ต้องนำมาใช้เกี่ยวกับคดีการครอบครองหรือเสพพืชกระท่อมเป็นการส่วนตัวได้ในทางอ้อมด้วย ข้อเสนอแนะในการถอดพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ 5 นั้นกลุ่มตัวอย่าง ที่เป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตร และตำรวจชั้นประทวน มีความคิดเห็นด้วยอย่างยิ่งว่าควรสนับสนุนให้มีการทำงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวกับพืชกระท่อมเพื่อประโยชน์ในทางการแพทย์ในปัจจุบัน เพราะแค่ภูมิปัญญาชาวบ้านหมอชาวบ้านหรือแพทย์แผนโบราณยังสารมารถนำพืชกระท่อมมาใช้รักษาโรคต่าง ๆ ได้ทั้ง ๆ ที่ไม่มีเทคโนโลยีใด ๆ มาช่วยในการวิจัยหาสรรพคุณของสารที่อยู่ใน พืชกระท่อมแต่อย่างใดแต่ยังสามารถนำพืชกระท่อมมาใช้รักษาอาการเจ็บป่วยของคนไข้ในสมัยก่อนได้ ดังนั้นและจะเป็นการดีกว่ามากถ้าจะนำพืชกระท่อมมาใช้ประโยชน์ในด้านที่เป็นยาโดยบัญญัติให้เป็นพืชสมุนไพรแทนที่บัญญัติให้มีสถานะเป็นยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. หอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: preserv@tu.ac.th

Name: ศิรินทร์รัตน์ กาญจนกุญชร

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Created: 2558

Modified: 2564-08-24

Issued: 2564-08-24

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

DOI: 10.14457/TU.the.2015.974

tha

DegreeName: ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: การบริหารงานยุติธรรม

Grantor: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

©copyrights มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	3837pollapat.pdf	1.13 MB	47	2025-12-25 01:44:05

ใช้เวลา

0.019492 วินาที