ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความยึดมั่นผูกพันองค์กรของบุคลากรสุขภาพ : กรณีศึกษาโรงพยาบาลชลบุรี

Factors affecting organizational commitment of professional personal : a case study Chonburi Hospital

Name: วิศรุต รัตนธรรม

ThaSH: ความผูกพันต่อองค์การ -- ไทย -- ชลบุรี

ThaSH: บุคลากรโรงพยาบาล -- ไทย -- ชลบุรี

Abstract: การวิจัยนี้เป็นการสำรวจเชิงวิเคราะห์ แบบภาคตัดขวาง เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความยึดมั่น ผูกพันองค์กรของบุคลากรสุขภาพในโรงพยาบาลชลบุรี กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ บุคลากรสุขภาพที่มีประสบการณ์การทำงาน ณ โรงพยาบาลชลบุรี ตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป จำนวน 412 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2558 ได้รับแบบสอบถามตอบกลับคืน 333 ชุด (ร้อยละ 80.83) ตรวจสอบความสมบูรณ์และนำมาวิเคราะห์ข้อมูล 324 ชุด (ร้อยละ78.64) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา สถิติไคสแควร์ (Chi-Square test) และสถิติวิเคราะห์ถดถอยพหุโลจิสติก (Binary Logistic Regression Analysis) ด้วยวิธี Enter ผลการวิจัยพบว่า ร้อยละ 60.2 ของกลุ่มตัวอย่าง แสดงความคิดเห็นความยึดมั่นผูกพันองค์กรโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง ( x̄ = 3.05, SD = 0.42)โดยปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความยึดมั่นผูกพันองค์กร อย่างมี นัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) ได้แก่ อายุ สถานภาพสมรส ระดับการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน รายได้ ภูมิลำเนา บุคลากรสุขภาพ ตำแหน่งทางการบริหาร สถานภาพการทำงาน คุณลักษณะงาน สัมพันธภาพระหว่างบุคคล และ บรรยากาศองค์กร และปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความยึดมั่นผูกพันองค์กร ได้แก่ ประสบการณ์การทำงาน สัมพันธภาพระหว่างบุคคล และบรรยากาศองค์กร เมื่อควบคุมปัจจัยที่เหลือให้คงที่ กลุ่มตัวอย่างที่มีประสบการณ์การทำงานมากกว่า 20 ปีขึ้นไป มีโอกาสยึดมั่นผูกพันองค์กรสูงเป็น 2.16 เท่า (95% CI = 1.22-3.82) เมื่อเทียบกับกลุ่มตัวอย่างที่มีประสบการณ์การทำงานไม่เกิน 20 ปี และกลุ่มตัวอย่างที่มีสัมพันธภาพระหว่างบุคคลและบรรยากาศองค์กรใน ระดับสูง มีโอกาสยึดมั่นผูกพันองค์กรสูงเป็น 3.42 เท่า (95% CI = 1.87-6.24) และ 3.17 เท่า (95% CI = 1.53-6.58) ตามลำดับ เมื่อเทียบกับกลุ่มตัวอย่างที่มีสัมพันธภาพระหว่างบุคคล และบรรยากาศองค์กรในระดับต่ำ-ปานกลางจากผลการวิจัยนี้ แสดงว่าประสบการณ์การทำงาน สัมพันธภาพระหว่างบุคคล และบรรยากาศองค์กร เป็นปัจจัยที่ผู้บริหารต้องให้ความสำคัญ โดยกลุ่มงานทรัพยากรบุคคล ควรจัดทำแผนการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสื่อสารให้บุคลากรได้รับทราบความตั้งใจของผู้บริหารที่จะเพิ่มโอกาสและประสบการณ์การทำงาน ให้ได้รับการอบรมวิชาการใหม่ๆ ตามสายวิชาชีพของตนเอง นอกจากนั้น ควรสร้างสัมพันธภาพระหว่างบุคคลภายในองค์กรให้เพิ่มมากขึ้น โดยใช้รูปแบบกิจกรรมสัมพันธ์และเสริมสร้างบรรยากาศองค์กรให้ดีขึ้น

Abstract: This cross-sectional analytical survey aimed to study the factors affecting organizational commitment of professional personnel in Chonburi Hospital. Participants included 412 professional personnel who had been working in Chonburi Hospital for one year and over. Data were collected through a questionnaire. Three hundred and thirty-three copies (80.83%) of the questionnaire were returned and 324 copies (78.64%) of these were taken for data analysis. Data were analyzed by descriptive statistics, Chi-square test, and Binary Logistic Regression Analysis (Enter method). Study results showed that 60.2% of the participants had overall organizational commitment opinion scores in a moderate level ( x =3.05, SD=0.42). The factors that were significantly associated with organizational commitment (p<0.05) included: age, marital status, education, length of work experience, income, domicile of the personnel, executive position, work status, job characteristics, interpersonal relationship, and organizational climate. The factors influencing the organizational commitment included the length of work experience, interpersonal relationship, and organizational climate. When other variables were controlled and stabilized, the level of organizational commitment among the participants with the length of work experience longer than 20 years was 2.16 times (95% CI = 1.22-3.82) higher than those with the length of work experience not exceeding 20 years. Also, the levels of organizational commitment among the participants with a high score of interpersonal relationship and organizational climate were 3.42 times (95% CI = 1.87-6.24) and 3.17 times (95% CI = 1.53-6.58) than those with a low to moderate score of interpersonal relationship and organizational climate respectively. Study results indicated that work experience, interpersonal relationship, and organizational climate were important factors that the executive should pay attention to. The Human Resource Department should develop a training plan for (and communicate with) the personnel in a way that they would acknowledge the intention of the executive in helping them gain more opportunities and experiences through advance academic training for each profession. Interpersonal relationship inside the organization should also be more established by organizing relations activities and promoting a better organizational climate.

มหาวิทยาลัยมหิดล. หอสมุดและคลังความรู้มหาวิทยาลัยมหิดล

Address: นครปฐม

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: จารุวรรณ ธาดาเดช

Role: ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์

Name: ปิยธิดา ตรีเดช

Role: ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์

Name: ปราถนา สถิตย์วิภาวี

Role: ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์

Created: 2559

Modified: 2564-05-06

Issued: 2564-04-19

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: วพ ว752ป 2559

tha

Spatial: ชลบุรี

DegreeName: วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: สาธารณสุขศาสตร์

Grantor: มหาวิทยาลัยมหิดล

©copyrights มหาวิทยาลัยมหิดล

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	5537550.pdf	24.87 MB	24	2024-06-15 12:32:02

ใช้เวลา

0.501335 วินาที