องค์ประกอบทางเคมีและประสิทธิภาพของสารสกัดหยาบผลค้อที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
Chemical compounds and efficiency of Livistona speciosa Kuez. Crude extract as Antioxidant
Abstract:
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปริมาณสารสำคัญและวิเคราะห์ชนิดกลุ่มสารสำคัญในสารสกัดหยาบเปลือกผลค้อและสารสกัดหยาบเมล็ดผลค้อ 2) เปรียบเทียบประสิทธิภาพการต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดหยาบเปลือกผลค้อและสารสกัดหยาบเมล็ดผลค้อ 3) แยกองค์ประกอบทางเคมีของสารที่ต้านอนุมูลอิสระมากที่สุดและวิเคราะห์ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารที่แยกได้ 4) วิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีของสารที่แยกได้ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระมากที่สุด 5) ถ่ายทอดความรู้ จากผลงานวิจัยโดยพัฒนาชุดฝึกอบรมและจัดอบรมเชิงปฏิบัติการให้กับนักศึกษา งานวิจัยนี้ทำการสกัดสารจากเปลือกผลค้อและเมล็ดผลค้อ โดยวิธีการแช่ยุ่ยด้วยเอทานอลจากนั้นวิเคราะห์ปริมาณของสารสำคัญในสารสกัดหยาบ ได้แก่ ฟีนอลิกทั้งหมด แทนนินทั้งหมดและฟลาโวนอยด์ทั้งหมด ด้วยเทคนิคอัลตราไวโอเลต วิสิเบิล สเปกโทรสโกปี วิเคราะห์สเตอรอยด์-เทอร์ปีนส์แอลคาลอยด์และฟลาโวนอยด์ ด้วยเทคนิครงคเลขผิวบางเลือกส่วนที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลมากที่สุด มาทำการแยกองค์ประกอบทางเคมีด้วยเทคนิคคอลัมน์โครมาโทกราฟี ทดสอบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดหยาบและสารที่แยกได้ด้วยวิธีดีพีพีเอชและวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีของกลุ่มสารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระมากที่สุดด้วยเทคนิคแก๊สโครมาโทกราฟีแบบวิเคราะห์มวลโมเลกุล นำความรู้จากผลการวิจัยที่ได้ไปถ่ายทอดความรู้โดยนำไปจัดทำชุดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง องค์ประกอบทางเคมีและฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของผลค้อให้กับนักศึกษาหาคุณภาพของชุดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ โดยการหาค่าดัชนีความสอดคล้องและเปรียบเทียบความรู้ก่อนและหลังการอบรมโดยการทดสอบค่าที ผลการวิจัยพบว่า 1) สารสกัดหยาบเปลือกผลค้อและเมล็ดผลค้อมีปริมาณฟีนอลิกทั้งหมด เทียบกับกราฟสารละลายมาตรฐานของกรดแกลลิกเท่ากับ 2.45 และ 2.38 มิลลิกรัมของกรดแกลลิกต่อกรัมของสารสกัด ปริมาณแทนนินทั้งหมด เทียบกับกราฟสารละลายมาตรฐานของกรดแทนนิกเท่ากับ 2.50 และ 4.26 มิลลิกรัม ของกรดแทนนิกต่อกรัมของสารสกัดและมีปริมาณฟลาโวนอยด์ทั้งหมด เทียบกับกราฟสารละลายมาตรฐานของรูทินเท่ากับ 36.50 และ 39.27 มิลลิกรัมของรูทินต่อกรัมของสารสกัด จากการวิเคราะห์ด้วย TLC Fingerprint พบว่า สารสกัดหยาบเปลือกผลค้อและสารสกัดหยาบเมล็ดผลค้อ มีสารกลุ่มฟลาโวนอยด์แต่ไม่พบสารกลุ่มสเตอรอยด์-เทอร์ปีนส์ และสารกลุ่มแอลคาลอยด์ 2) สารสกัดหยาบเปลือกผลค้อและสารสกัดหยาบเมล็ดผลค้อ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ โดยมีค่า EC50 เท่ากับ 0.2772 และ 0.1291 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร ตามลำดับ และสารสกัดหยาบเมล็ดผลค้อมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าสารสกัดหยาบเปลือกผลค้อแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 3) แยกสารสกัดหยาบเมล็ดผลค้อด้วยเทคนิคคอลัมน์โครมาโทกราฟี ได้สาร 5 กลุ่มมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ โดยมีค่า EC50 เท่ากับ 0.1350, 0.0259, 0.1773, 0.0409 และ 0.2843 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร ตามลำดับ เทียบกับสารมาตรฐาน BHT ซึ่งมีค่า EC50 เท่ากับ 0.0083 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร 4) สารสกัดกลุ่มที่ 2 มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระมากที่สุด จึงนำไปทำการวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีด้วยเทคนิค GC-MS พบสาร Hexadecanoic acid, ethyl ester, Linoleic acid ethyl ester, Ethyl Oleate, Octadecanoic acid, ethyl ester 5) ชุดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการมีค่าดัชนีความสอดคล้อง เท่ากับ 0.99 และนำไปจัดอบรม เชิงปฏิบัติการ พบว่า หลังการอบรมผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้เพิ่มขึ้นและแตกต่างจากก่อนอบรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 นอกจากนี้ยังพบว่า ผลการประเมินความพึงพอใจในการอบรม อยู่ในระดับมาก
มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
Role:
ประธานที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์.
CallNumber:
วพ 541.224 จ535อ 2560
©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ฯ