แจ้งเอกสารไม่ครบถ้วน, ไม่ตรงกับชื่อเรื่อง หรือมีข้อผิดพลาดเกี่ยวกับเอกสาร ติดต่อที่นี่ ==>
หากไม่มีอีเมลผู้รับให้กรอก thailis-noc@uni.net.th ติดต่อเจ้าหน้าที่เจ้าของเอกสาร กรณีเอกสารไม่ครบหรือไม่ตรง

ความเชื่อมโยงของวิถีสตรีนิยมกับการเติบโตด้านใน
Interconnectedness between feminist practice and the inner growth

ThaSH: สตรีนิยม
ThaSH: อัตลักษณ์
Abstract: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 2 ข้อ กล่าวคือ เพื่อศึกษาถึงอิทธิพลของกระบวนการหล่อหลอมทางสังคมในเรื่องความ เป็นเพศ และศึกษาถึงความเชื่อมโยงของวิถีสตรีนิยมกับการเติบโตด้านใน ในบริบทของผู้วิจัยที่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนและสิ่งแวดล้อม รอบตัว เป็นการศึกษาจากอัตชีวประวัติ (Autobiographical research) แบบมุมมองที่ 1 (First person research) คือผู้วิจัยและผู้ถูกวิจัย เป็นบุคคลคนเดียวกัน โดยผสมผสานกับมุมมองที่ 3 (Third person research) คือตัวผู้วิจัยเองในฐานะผู้สังเกตคนอื่นและบริบท แวดล้อมอย่างมีส่วนร่วม ใช้การเก็บข้อมูลจากการทบทวนเรื่องราวจากความทรงจำใน 5 ช่วงชีวิตของผู้วิจัย จากการสัมภาษณ์ตัวผู้วิจัย เองโดยบุคคลอื่น เพื่อสืบย้อนเรื่องราวตั้งแต่วัยเด็กโดยเน้นเรื่องความเป็นเพศ จากเอกสารการทำงานที่ผ่านมาทั้งที่เคยตีพิมพ์และที่ไม่ ถูกตีพิมพ์เผยแพร่ จากบันทึกภาคสนาม บันทึกประจำวัน (Journal) ที่เขียนสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกด้านในตนเอง (Self-reflective) ข้อมูลภายนอกอื่นๆ เช่น หนังสือ บทความ เว็บไซต์ หรือจากการสนทนากับบุคคลอื่นๆ อย่างไม่เป็นทางการ รวมทั้งทำแผนผังอัต ลักษณ์ (Identity mapping) และความสัมพันธ์เชิงอำนาจในบริบทแวดล้อมผู้วิจัย ใช้การเขียนแบบเรื่องเล่า (Life story) ผลการศึกษาพบว่า ผู้วิจัยในฐานะผู้หญิงที่เติบโตในชนบท สดใสร่าเริงเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่สนกรอบ ไม่แคร์ สังคม มีท่าทีต่อต้านคำบอกคำสอนแบบเหมารวมตามกรอบความเป็นเพศหญิงชายตลอดเวลา และรู้สึกไม่พอใจทุกครั้งถ้ารู้สึกถูกทำ ให้ด้อยในฐานะเพศหญิง สิ่งนี้ส่งผลให้ตัวเองตั้งคำถามกับความยุติธรรมและมีท่าทีต่อต้านอำนาจที่ไม่เป็นธรรมตลอดมา ขณะเดียวกัน ผู้วิจัยพบว่าตนเองมีคุณลักษณะตามแบบอย่างความเป็นชายที่สังคมให้การยอมรับมาก และมีความภาคภูมิใจที่เป็น เช่นนั้น พร้อมทั้งกลับสถาปนาความคิดที่ว่าคุณลักษณะความเป็นชายมีคุณค่าเหนือความเป็นหญิงโดยไม่รู้ตัว จากที่เคยคิดว่าตัวเอง ไม่สนใจกรอบ ไม่แคร์สังคม เมื่อมาพิจารณาใคร่ครวญ ก็พบว่าแท้จริงแล้ว เรากลับรับวัฒนธรรมความเป็นเพศที่มีการแบ่งแยก เหนือกว่า-ต่ำกว่า คนดี-คนไม่ดี มาตั้งแต่ต้น วิถีสตรีนิยมได้เสนอแนวคิดเรื่องการเปลี่ยนแปลงสังคม ด้วยหลักคิดและแนวทางปฏิบัติในการใคร่ครวญตนเองซึ่ง ผู้วิจัยประมวลออกมาได้ 4 ด้าน ได้แก่ 1) ทำความเข้าใจมิติเชิงสังคม ประกอบด้วยเรื่องอัตลักษณ์ ความสัมพันธ์เชิงอำนาจ ความเป็น เพศและความรุนแรงเชิงโครงสร้าง 2) ฝึกสติและกลับมาหาคุณค่าด้านใน 3) เห็นความสัมพันธ์เชื่อมโยงของชีวิต 4) เรียนรู้ตนเอง- ผู้อื่น ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลต่อการเติบโตด้านในของผู้วิจัย เนื่องด้วยเป็นการใคร่ครวญตนเองอย่างลึกซึ้งเชื่อมโยงตนเองเข้ากับ ปรากฏการณ์ของสังคม ทำให้เกิดความเข้าใจในตนเองอย่างแท้จริง ส่งผลต่อความเข้าใจผู้อื่น เข้าใจความซับซ้อนของสังคม และ เข้าใจถึงอิทธิพลของคนและสรรพชีวิตที่มีอิทธิพลซึ่งกันและกัน ที่สำคัญวิถีสตรีนิยมไม่ได้เป็นแนวทางใคร่ครวญชีวิตที่มุ่งหาความ ผาสุกส่วนตัว แต่เป็นการใคร่ครวญชีวิตด้วยมีเจตนาที่จะเห็นทุกคนมีความผาสุก เห็นคุณค่าและความงดงามของชีวิต เป็นการกลับมา หาคุณค่าด้านในตนที่เอื้อให้เกิดความผาสุกต่อตนเองและสังคมโดยรวม กล่าวโดยย่อ เป็นวิถีของการเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อ เปลี่ยนแปลงสังคม ฉะนั้น วิถีสตรีนิยมแท้จริงแล้วเป็นเรื่องของทุก ๆ คน
Abstract: The research has a two-fold objective, first is to delve into the influences of gender socialization, second is to study the interconnections between Feminist Practice and the researcher's spiritual growth in her own context and her interactions with other people and the in surroundings. The approach employed in this research is called Autobiographical research. This means the perspective of "the First Person", i.e. the researched and the researcher is the same person but situated in a different context and timing. This also combines with the perspective of "the Third Person", i.e. the researcher herself acts as participant-observer in a given context. Data were collected through various sources. The first source is the information/ data related to the researcher's life including a review of the researcher's memories in each stage of life, an in-depth interview of the researcher focusing on gender-oriented stories, working reports or documents (both published and nonpublished), field notes, and a self-reflective journal. The second source was an external one, information collected from books, articles, websites, and insights from informal conversations with others. Finally, the data was collected from analyzing the researcher's identity in relation to power relations in different contexts. All data and information was recalled from memory of the interviewee and researcher and then written in a life story manner. The finding showed that the researcher, as a woman growing up in the countryside, is cheerful and self-confident. She was so independent that none of the so-called social norms could let her down or limit her freedom of being herself. Apart from that, she continually rejected gender stereotyping, and always got angry whenever deemed her treatment was inferior merely because of her sex. Consequently, this lead her to ask for genuine justice, while strongly opposing any form of unfair power. The researcher is proud of her characteristics. Paradoxically, such characteristics are mainly masculine traits. For many years, she has been unaware of establishing the idea that masculinity is superior to femininity. However, after contemplating oneself by adopting Feminist Practice, the researcher is later awakened, and has become aware that she has made a big mistake regarding herself. So far, she has firmly believed that neither sex classification nor gender roles influence her thoughts and actions. At present she realizes that indeed she has always been influenced by the culture of gender binarism of superiority-inferiority, good-bad, and so on. "Feminist Practice" proposes the concept of social change. This includes both notions and practices of self-contemplation which consists of 4 areas; namely,. 1) understanding of social dimension, which includes identity, power relations, gender, and structural violence; 2) mindful meditation and discovery of inner values; 3) viewing connectedness between all lives, environment and non-living components; and 4) understanding oneself and others. All these factors have contributed to the spiritual growth of the researcher, and developed her understanding of the self-contemplation needs that are to be considered closely related the social phenomenon and cultural context necessary to truly gain self-understanding. This process also paves the way to an understanding of others and of the complexities of humans and society. At the end, one will have an insight on an interdependence between human beings and other living beings. Most importantly, Feminist Practice is not simply a way of contemplating life in an effort to pursue personal happiness, rather, it is contemplating one's life in the view of Spiritual Feminism aims at its highest goal; everyone living in peace, value of each life experience, and seeing the beauty of life. It is a way of being back "home", or being firm and calm within one's spirit. Such contemplating processes will not only promote personal transformation to peace, but will also be beneficial, as a whole, to society. In short, this is a way of self-transformation for social change. Feminism is therefore for everybody.
มหาวิทยาลัยมหิดล. หอสมุดและคลังความรู้มหาวิทยาลัยมหิดล
Address: นครปฐม
Email: liwww@mahidol.ac.th
Role: ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์
Role: ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์
Created: 2557
Modified: 2563-02-05
Issued: 2562-11-20
วิทยานิพนธ์/Thesis
application/pdf
CallNumber: วพ อ437ค 2557
tha
©copyrights มหาวิทยาลัยมหิดล
RightsAccess:
ลำดับที่.ชื่อแฟ้มข้อมูล ขนาดแฟ้มข้อมูลจำนวนเข้าถึง วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1 5236736.pdf 3.44 MB49 2025-08-30 09:47:49
ใช้เวลา
0.267219 วินาที

อวยพร สุธนธัญญากร
Title Contributor Type
ความเชื่อมโยงของวิถีสตรีนิยมกับการเติบโตด้านใน
มหาวิทยาลัยมหิดล
อวยพร สุธนธัญญากร
หิมพรรณ รักแต่งาม
สมสิทธิ์ อัสดรนิธี
วิทยานิพนธ์/Thesis
หิมพรรณ รักแต่งาม
Title Creator Type and Date Create
การพัฒนาปัญญาด้วยกระบวนการเรียนรู้แนวจิตตปัญญาศึกษา : กรณีศึกษาโรงพยาบาลน้ำเกลี้ยง จังหวัดศรีสะเกษ
มหาวิทยาลัยมหิดล
หิมพรรณ รักแต่งาม;มนตรี ลักษณ์สุวงศ์;ปาริชาต สุวรรณบุบผา
อริสา สุมามาลย์
วิทยานิพนธ์/Thesis
ประสบการณ์แลกระบวนการในการเปลี่ยนแปลงของเยาวชนบ้านกาญจนาภิเษก
มหาวิทยาลัยมหิดล
หิมพรรณ รักแต่งาม;ธนา นิลชัยโกวิทย์
มัลลิกา ตั้งสงบ
วิทยานิพนธ์/Thesis
กระบวนการปรับตัวของนักศึกษาจีนเมื่อเข้ามาศึกษาในประเทศไทย
มหาวิทยาลัยมหิดล
หิมพรรณ รักแต่งาม;ธนา นิลชัยโกวิทย์;สุวิริยา สุวรรณโคตร
ยู่ซี, ชาง
วิทยานิพนธ์/Thesis
ศิลปะความเป็นมืออาชีพของครูดนตรีในสังคมไทย
มหาวิทยาลัยมหิดล
สมชัย ตระการรุ่ง;อนรรฆ จรัณยานนท์;หิมพรรณ รักแต่งาม
คณิเทพ ปิตุภูมินาค
วิทยานิพนธ์/Thesis
ความเชื่อมโยงของวิถีสตรีนิยมกับการเติบโตด้านใน
มหาวิทยาลัยมหิดล
หิมพรรณ รักแต่งาม;สมสิทธิ์ อัสดรนิธี
อวยพร สุธนธัญญากร
วิทยานิพนธ์/Thesis
ภาพสะท้อนในตัวฉันผ่านบทสนทนากับผู้ต้องขังชายในโลกบางขวาง
มหาวิทยาลัยมหิดล
ประมวล เพ็งจันทร์;หิมพรรณ รักแต่งาม;ลือชัย ศรีเงินยวง
ประภาพร อนุมานไพศาล
วิทยานิพนธ์/Thesis
การเสริมสร้างเป้าหมายในชีวิตของนักศึกษาด้วยจิตตปัญญาศึกษาและการเรียนรู้ของผู้ใหญ่ : กระบวนการเรียนรู้ที่สำคัญและปัจจัยแห่งความสำเร็จ
มหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น
วีระเทพ ปทุมเจริญวัฒนา ;หิมพรรณ รักแต่งาม
อริสา สุมามาลย์
บทความ/Article
อิสรภาพ บนเส้นทางความเป็นครูของฉัน
มหาวิทยาลัยมหิดล
เพริศพรรณ แดนศิลป์;หิมพรรณ รักแต่งาม
ปรางฉาย คชศิลา
วิทยานิพนธ์/Thesis
การเติบโตภายในของฉันผ่านบทสนทนาด้วยหัวใจกับผู้ป่วยและญาติ
มหาวิทยาลัยมหิดล
เพริศพรรณ แดนศิลป์ ;หิมพรรณ รักแต่งาม
อุษณีย์ เพียรภัทรพงศ์
วิทยานิพนธ์/Thesis
สมสิทธิ์ อัสดรนิธี
Title Creator Type and Date Create
ความเชื่อมโยงของวิถีสตรีนิยมกับการเติบโตด้านใน
มหาวิทยาลัยมหิดล
หิมพรรณ รักแต่งาม;สมสิทธิ์ อัสดรนิธี
อวยพร สุธนธัญญากร
วิทยานิพนธ์/Thesis
การวิจัยนำร่องเพื่อศึกษากระบวนการเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงบนโลกออนไลน์
มหาวิทยาลัยมหิดล
ชัชวาลย์ ศิลปกิจ;สมสิทธิ์ อัสดรนิธี
เกศราภา ถนอมศักดิ์
วิทยานิพนธ์/Thesis
การพัฒนากระบวนการเพื่อการเชื่อมโยงกับธรรมชาติโดยใช้วิทยาศาสตร์แบบเกอเธ่บนพื้นฐานจิตตปัญญาศึกษา
มหาวิทยาลัยมหิดล
สมสิทธิ์ อัสดรนิธี ;ศักดิ์ชัย อนันต์ตรีชัย
สิรินันท์ นิลวรางกูร
วิทยานิพนธ์/Thesis
ภาวะผู้นำแบบเอื้ออำนวยในคณะ ดั่งกันและกัน หมู่บ้านพลัม ประเทศไทย
มหาวิทยาลัยมหิดล
ศักดิ์ชัย อนันต์ตรีชัย;สมสิทธิ์ อัสดรนิธี
ธีรัญญ์ ไพโรจน์อังสุธร
วิทยานิพนธ์/Thesis
Copyright 2000 - 2025 ThaiLIS Digital Collection Working Group. All rights reserved.
ThaiLIS is Thailand Library Integrated System
สนับสนุนโดย สำนักงานบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
328 ถ.ศรีอยุธยา แขวง ทุ่งพญาไท เขต ราชเทวี กรุงเทพ 10400 โทร. โทร. 02-232-4000
กำลัง ออน์ไลน์
ภายในเครือข่าย ThaiLIS จำนวน 3
ภายนอกเครือข่าย ThaiLIS จำนวน 4,763
รวม 4,766 คน

More info..
นอก ThaiLIS = 292,312 ครั้ง
มหาวิทยาลัยสังกัดทบวงเดิม = 1,682 ครั้ง
มหาวิทยาลัยราชภัฏ = 501 ครั้ง
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล = 102 ครั้ง
หน่วยงานอื่น = 30 ครั้ง
มหาวิทยาลัยเอกชน = 17 ครั้ง
มหาวิทยาลัยสงฆ์ = 8 ครั้ง
สถาบันพระบรมราชชนก = 5 ครั้ง
รวม 294,657 ครั้ง
Database server :
Version 2.5 Last update 1-06-2018
Power By SUSE PHP MySQL IndexData Mambo Bootstrap
มีปัญหาในการใช้งานติดต่อผ่านระบบ UniNetHelp


Server : 8.199.134
Client : Not ThaiLIS Member
From IP : 216.73.216.212