การเพิ่มสมรรถนะการวิจัยของครูโดยใช้หลักสูตรฝึกอบรมการวิจัยในชั้นเรียน ร่วมกับกระบวนการสอนงานและการเป็นพี่เลี้ยงสำหรับครูผู้สอนใน สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน

Increasing Teachers’ Research Competency Using Classroom Research Training with Coaching and Mentoring Procedures for Teachers in Basic Education Institution

Name: นิคม สุวพงษ์

keyword: การเพิ่มสมรรถนะการวิจัยของครู

Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาสภาพการดำเนินการวิจัยในชั้นเรียนสำหรับ ครูผู้สอนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานเขตพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่ 14 ร้อยแก่นสารสินธุ์ 2) สร้างและ พัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมการวิจัยในชั้นเรียน 3) ศึกษาผลการเพิ่มสมรรถนะการวิจัยของครูโดยใช้ หลักสูตรฝึกอบรมการวิจัยในชั้นเรียนและกระบวนการสอนงานและการเป็นพี่เลี้ยง 4) ประเมิน ความสำเร็จในการเพิ่มสมรรถนะการวิจัยของครู กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา ครูวิชาการ ครูผู้สอน และศึกษานิเทศก์ จำนวน 380 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบสอบถามสภาพการวิจัยในชั้นเรียนสำหรับครูผู้สอน แบบประเมินความเหมาะสมของโครงร่าง หลักสูตรฝึกอบรมการวิจัยในชั้นเรียน แบบทดสอบก่อนและหลังการอบรม แบบสอบถามความ พึงพอใจของครูผู้เข้าอบรมที่มีต่อการดำเนินการวิจัยในชั้นเรียน แบบนิเทศติดตามผลการวิจัย ในชั้นเรียน แบบประเมินมาตรฐานของหลักสูตรฝึกอบรมการวิจัยในชั้นเรียน ผลการวิจัยสรุปได้ว่า 1. สภาพการดำเนินการวิจัยในชั้นเรียนตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา ครูวิชาการ ครูผู้สอน และศึกษานิเทศก์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา โดยรวม อยู่ในระดับมาก และต้องการให้ผู้บริหารให้การสนับสนุนการดำเนินการวิจัยอย่างจริงจัง ทั้งด้าน งบประมาณในการดำเนินการวิจัย ด้านการเพิ่มพูนความรู้ จัดทำเอกสารประกอบการดำเนินการวิจัย เพื่อใช้ประกอบการศึกษาค้นคว้า และส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้วิจัยได้มีโอกาสนำเสนอผลงานวิจัย 2. หลักสูตรฝึกอบรมการวิจัยในชั้นเรียน ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ 1) หลักการและ เหตุผลของหลักสูตร 2) วัตถุประสงค์ของหลักสูตร 3) โครงสร้างและเนื้อหาหลักสูตร 4) กิจกรรมการ อบรมตามหลักสูตร และ 5) การวัดและประเมินผลการอบรมตามหลักสูตร โดยมีเนื้อหา 7 หน่วย คือ 1) ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการวิจัยในชั้นเรียน 2) การวิเคราะห์ผู้เรียนรายบุคคล 3) การประเมินเพื่อ พัฒนาการสอนของตนเอง 4) กรณีศึกษานักเรียนรายบุคคล 5) การพัฒนานวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ 6) การเขียนรายงานการวิจัย และ 7) การจัดนิทรรศการและการเผยแพร่ผลการวิจัย 3. ผลการเพิ่มสมรรถนะการวิจัยของครู โดยใช้หลักสูตรฝึกอบรมการวิจัยในชั้นเรียน พบว่า โดยรวมมีคะแนนเฉลี่ยก่อนการอบรม เท่ากับ 23.87 หลังการอบรม เท่ากับ 35.00 เมื่อ เปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยผลการทดสอบก่อนการอบรมและหลังการอบรม พบว่า ผู้เข้าอบรมมี ข คะแนนเฉลี่ยหลัง การอบรมสูงกว่าก่อนการอบรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 หลักสูตร ฝึกอบรมการวิจัยในชั้นเรียนที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ เท่ากับ 83.81/87.50 สูงกว่าเกณฑ์ ที่ตั้งไว้ คือ 80/80 มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ0.690 ผู้เข้าอบรมมีความพึงพอใจต่อการจัดอบรม การวิจัยโดยใช้หลักสูตรฝึกอบรมการวิจัยในชั้นเรียนโดยรวมอยู่ในระดับพอใจมาก การนิเทศติดตาม ผลการนำความรู้ และทักษะด้านการวิจัยไปใช้หลังการอบรม พบว่า โดยรวมมีการปฏิบัติอยู่ในระดับ มากที่สุด ส่วนการสอนงานและการเป็นพี่เลี้ยงโดยให้คำปรึกษาแนะนำกลุ่มเป้าหมายให้มีความรู้ ความสามารถในการวิจัย ให้ความช่วยเหลือทักษะปฏิบัติ แนะนำแหล่งเรียนรู้ ให้การสนับสนุน และให้กำลังใจเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายสามารถทำวิจัยในชั้นเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4. การตรวจสอบประเมินหลักสูตรฝึกอบรมการวิจัยในชั้นเรียน พบว่า โดยรวมมีความ เหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อจำแนกเป็นรายด้าน พบว่า ด้านอรรถประโยชน์ มีค่าคะแนนเฉลี่ย สูงสุด รองลงมาได้แก่ ด้านความถูกต้อง ด้านความเหมาะสม และด้านความเป็นไปได้ ตามลำดับ

Abstract: The aims of the research were 1) to study the current state of classroom research conducted among teachers at basic education schools in Roi Kaen Sarasin Education Development Zone 14, 2) to construct and develop a classroom research training course, 3) to enhance the teachers’ research competency through the classroom research course using coaching and mentoring procedures, and 4) to assess the results of the enhancement. The samples consisted of 380 school administrators, head teachers, classroom teachers, and external educational supervisors. The research instruments included 1) a questionnaire to study the current state of classroom research, 2) an assessment form for the classroom research training course, 3) a pre-test and post-test, 4) a teacher satisfaction questionnaire, 5) a supervisory form, and 6) an assessment form for the benchmark of the completed classroom research training . The results of the research were as follows: 1. The school administrators, head teachers, classroom teachers, and external educational supervisors under the offices of primary educational service areas in Roi Kaen Sarasin Education Development Zone 14 responded that the state of conducting classroom research was at a high level. They recommended that administrators should provide active support to researchers in terms of budget, knowledge, documents, literature searches, and publications. 2. The classroom research course comprised five major elements; 1) principles and rationale, 2) objectives, 3) structure and content, 4) practical activities, and 5) measurement and evaluation. The content consisted of 7 units; 1) introduction to classroom research, 2) individual learners’ analysis, 3) assessment for self-teaching development, 4) case studies of individual learners, 5) development of innovative ง learning management, 6) research report writing, and 7) research exhibition and publication. 3. The enhancement of the teachers’ research competency through the classroom research training and coaching and mentoring procedures resulted in a higher mean on the post test (35.00), compared to the pre-test (23.87). In comparison, the post-test mean was higher than the pre-test mean at a significant level of .05. The effectiveness of the constructed classroom research training course was 83.81/87.50, which was higher than its benchmark of at 80/80. The effectiveness index of the course was 0.690. In addition, it was found that the trainees’ satisfaction of the course was at a high level. After training the participants in the course, it was revealed that the teachers practiced the research skills at the highest level. As a result of the coaching and mentoring procedures, the teachers showed greater research competency, practical skills, support, and encouragement. These were helpful in doing research effectively. 4. The assessment of the entire research training course showed that its appropriateness was at the highest level. Specifically, utility had the highest mean followed by correctness, appropriateness, and possibility, respectively.

มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด. ศูนย์วิทยบริการ.

Address: ร้อยเอ็ด

Email: lib.reru101@gmail.com

Name: ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เฉลย ภูมิพันธุ์

Role: ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์หลัก

Name: อาจารย์ ดร.เกรียงศักดิ์ ศรีสมบัติ

Role: ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม

Created: 2559

Modified: 2561-09-05

Issued: 2561-09-05

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

tha

DegreeName: ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต

Level: Doctoral Degree

Descipline: Educational Administration

Grantor: ROI ET RAJABHAT UNIVERSITY

©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	01 title.pdf	498.63 KB	194	2025-10-24 11:12:13
2	02 abs.pdf	1.15 MB	158	2025-10-24 11:12:09
3	03 ack.pdf	314.57 KB	101	2025-10-24 11:11:59
4	04cont.pdf	1.39 MB	103	2025-10-24 11:11:55
5	05ch1.pdf	2.8 MB	142	2025-10-24 11:08:35
6	06ch2.pdf	21.94 MB	198	2025-10-24 11:08:45
7	07ch3.pdf	5.63 MB	141	2025-10-24 11:07:13
8	08ch4.pdf	8.49 MB	145	2025-10-24 11:09:05
9	09ch5.pdf	2.81 MB	128	2025-10-24 11:09:53
10	10ref.pdf	2.77 MB	129	2025-10-24 11:10:11
11	11app.pdf	67.04 MB	159	2025-10-24 11:10:25
12	12vitae.pdf	609.53 KB	95	2025-10-24 11:12:19

ใช้เวลา

0.081542 วินาที