การศึกษาฤทธิ์ทางเครื่องสำอางของสารสกัดเปลือกมังคุด

Study of Garcinia Mangostana L. peel extract for cosmetic applications

Name: บุญญาณี ศุภผล

Organization : มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

Name: Boonyanee Suphaphon

keyword: สารสกัดเปลือกมังคุด

ThaSH: มังคุด

Classification :.LCCS: QV766

ThaSH: สารสกัดจากพืช

ThaSH: เครื่องสำอางสมุนไพร

ThaSH: พืชสมุนไพร

Abstract: การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส ฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย และคุณสมบัติป้องกันแสงแดดของสารสกัดจากเปลือกมังคุด โดยเตรียมสารสกัดด้วยตัวทาละลาย 4 ชนิด ได้แก่ น้า (ด้วยวิธี Reflux) เอทานอล เอทิลอะซิเตตและไดคลอโรมีเทน (ด้วยวิธี Soxhlet) พบว่าเอทานอลให้ปริมาณสารสกัดมากที่สุด 11.27 % จากการวิเคราะห์ปริมาณแอลฟาแมงโกสตินด้วยเทคนิค HPLC สารสกัดไดคลอโรมีเทนและเอทานอลมีปริมาณแอลฟาแมงโกสตินที่สูง (17.77 – 18.99%) สารสกัดเอทานอลมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสได้สูงสุดโดยมีค่า IC50 เท่ากับ 0.16 ± 0.08 mg/ml เมื่อทดสอบด้วยวิธี Dopachrome จากการศึกษาฤทธิ์ต้านแบคทีเรียด้วยวิธี Microdilution test พบว่าสารสกัดทุกตัวทาละลายสามารถยับยั้งเชื้อ Candida albicans ได้มากกว่าเชื้อชนิดอื่นๆ ได้แก่ Bacillus cereus, Staphylococcus aureus, Staphylococcus epidermidis, Micrococcus luteus, Escherichia coli, Salmonella typhimurium และ Pseudomonas aeruginosa นอกจากนี้สารสกัดเอทิล อะซิเตตและไดคลอโรมีเทนยังสามารถยับยั้งเชื้อ Propionibacterium acnes ได้ดีกว่าสารสกัดอื่น จากการศึกษาฤทธิ์ฝาดสมานโดยการตกตะกอนโปรตีนในน้านม พบว่าสารสกัดน้าให้ฤทธิ์ฝาดสมานเช่นเดียวกับกรดแกลลิก ขณะที่สารสกัดอื่นไม่สามารถตกตะกอนโปรตีนในน้านมได้ และการศึกษาคุณสมบัติการดูดกลืนรังสี UV ในช่วงความยาวคลื่น 200 – 400 นาโนเมตร พบว่าสารสกัดเอทานอลมีคุณสมบัติเป็นสารกันแดดในช่วง UVB (290 – 320 นาโนเมตร) ขณะที่สารสกัดชนิดอื่นสามารถดูดกลืนรังสี UVB ได้เช่นกัน แต่เนื่องจากเอทานอลเป็นตัวทาละลายที่นิยมใช้ทางเครื่องสาอางเนื่องจากจัดว่ามีความปลอดภัยและยังให้ % yield ที่มากกว่า สารสกัดเอทานอลในช่วงความเข้มข้น 2 – 10% ให้ค่า SPF ในช่วง 1.09 – 3.92 ซึ่งต่ากว่าค่า SPF ของ Octyl methoxycinnamate (3.58-13.01) และ Homosalate (1.81-5.58) ที่ความเข้มข้นเดียวกัน แต่เมื่อใช้สารสกัดเอทานอลร่วมกับสารกันแดดสังเคราะห์ Octyl methoxycinnamate, Homosalate, Octocrylene และ Tinosorb®S ที่ 2 ระดับความเข้มข้นคือ 5% และ 10% พบว่าค่า SPF ของครีมเพิ่มขึ้นจาก 11 เป็น 14 - 27 และจาก 35 เป็น 44 – 56 ตามลาดับ จากผลการทดลองแสดงให้เห็นว่าการใช้สารสกัดเอทานอลร่วมกับสารกันแดดสังเคราะห์สามารถเกิด Synergistic effect ทาให้ค่า SPF เพิ่มสูงขึ้นได้ นอกจากนี้การประเมินความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สูตร F34 พบว่าไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวของอาสาสมัคร ผลความพึงพอใจของผลิตภัณฑ์เมื่อมีการปรับสีเพื่อให้ได้สีผิวเหมือนในผลิตภัณฑ์ประเภทรองพื้น (F35) อาสาสมัครยอมรับผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 20 เป็นร้อยละ 75 ผลการประเมินความคงตัวด้วยสภาวะเร่ง โดยวิธี Heating cooling cycle จานวน 6 รอบ พบว่าเนื้อผลิตภัณฑ์มีความคงตัวดี สีเข้มขึ้นเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถยอมรับได้

Abstract: The aims of this study were to investigate the anti-tyrosinase, anti-bacterial, astringent and sun protection activities of mangosteen peel extracts. Mangosteen peel was extracted with 4 solvents including aqueous by using reflux technique, while, ethanol, ethyl acetate and dichloromethane by using soxhlet technique. Ethanolic extract was the highest yield (11.27 %). The determination of α-mangostin content by using HPLC method showed that dichloromethane and ethanolic extracts were the highest amount of alpha mangostin (17.77 – 18.99%). Ethanolic extract was the highest anti-tyrosinase activity with IC50 0.16±0.08 mg/ml by using Dopachrome assay. The anti-bacterial activity by using microdilution test showed that all extracts had more inhibit Candida albicans than others bacteria (Bacillus cereus, Staphylococcus aureus, Staphylococcus epidermidis, Micrococcus luteus, Escherichia coli, Salmonella typhimurium and Pseudomonas aeruginosa). Moreover, ethyl acetate and dichloromethane extracts showed good inhibition of Propionibacterium acnes when compared with other extracts. The result of astringent effect by using milk protein precipitation showed that aqueous extract had astringent effect. UV absorption was determined in range 200 – 400 nm revealed that ethanolic extract possessed as the UVB sunscreen (290 – 320 nm). Ethanolic extract in range 2-10% had SPF 1.09 – 3.92 which lower than Octyl methoxycinnamate (3.58-13.01) and Homosalate (1.81-5.58) in the same concentration but when combinded with Octyl methoxycinnamate, Homosalate, Octocrylene and Tinosorb®S in 5% and 10% level, it was found that the SPF value increased by synergistic effect from 11 to 14 – 27 and from 35 to 44 – 56, respectively. Furthermore, the safety evaluation of F34 showed non irritation to skin of volunteers. The result satisfaction showed that volunteers more accepted from 20 % to 75 % after adapting its color like foundation (F35). From accelerated stability test of heating-cooling cycle for 6 cycles, the product remained stable with accepted a little change in color.

มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง. ศูนย์บรรณสารและสื่อการศึกษา

Address: เชียงราย

Email: library@mfu.ac.th

Name: นิสากร แซ่วัน

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Created: 2558

Issued: 2016

Modified: 2020-04-20

Issued: 2559-11-10

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: วพ. QV766 บ444ก 2558

tha

DegreeName: วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: วิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง

Grantor: มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	Boonyanee Suphaphon.pdf	3.34 MB	128	2025-02-24 15:34:49

ใช้เวลา

0.019448 วินาที