การศึกษาประสิทธิผลการลดริ้วรอยของ TISTR-GSE จากเมล็ดองุ่นพันธุ์ป๊อกดำ Vitis Vinifera CV. ribier ในรูปแบบนาโนอิมัลชั่นและรูปแบบเจลในอาสาสมัคร

A study on anti-wrinkle activity of TISTR-GSE in nanoemulsion and gel containing Vitis Vinifera CV. ribier (Pokdum) extract in volunteers

Study on anti-wrinkle activity of TISTR-GSE in nanoemulsion and gel containing Vitis Vinifera CV. ribier (Pokdum) extract in volunteers

Name: ปิยนุช สนิ

Organization : มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

Name: Piyanut Sani

keyword: การลดริ้วรอย

ThaSH: องุ่น -- เมล็ด -- เภสัชฤทธิวิทยา

Classification :.LCCS: QV766

ThaSH: สารสกัดจากพืช

ThaSH: แอนติออกซิแดนท์

Abstract: นาโนอัลชั่นเป็นการพัฒนาตำรับเครื่องสำอางที่ทำให้มีอนุภาคขนาดเล็ก มีลักษณะโปร่งใสและโปร่งแสง ซึ่งมีขนาดอนุภาคในช่วง 20-500 นาโนเมตร เป็นระบบนำส่งสารสำคัญที่สามารถทำให้ซึมผ่านผิวหนังได้ดีกว่าเครื่องสำอางทั่วไป และยังสามารถป้องกันสาระสำคัญเสื่อมสลาย งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาประสิทธิผลการลดริ้วรอยของ TISTR GSE จากเมล็ดองุ่นพันธุ์ป๊อกดำ VITIS VINIFERA CV. RIBIER ในรูปแบบนาโนอิมัลชั่นและรูปแบบเจลในอาสาสมัคร (TISTR = Thailand Institute of Scientific and Technological Research), GSE=Grape Seed Extractโดยคัดเลือกอาสาสมัครชายและหญิง ซึ่งมีอายุระหว่าง 30-55 ปี จำนวน 15 คน ซึ่งเป็นการวิจัยแบ่งครึ่งหน้าบริเวณโหนกแก้มและหางตา โดยทานาโนอิมัลชั่นและเจลที่มีส่วนประกอบของ TISTR-GSE ในปริมาณที่เท่ากัน ต่อเนื่องนาน 8 สัปดาห์ แล้วประเมินริ้วรอย ด้วยเครื่องมือ visioscan บริเวณโหนกแก้มและหางตา และวัดค่าความชุ่มชื้นด้วย Corneometer และค่าความยืดหยุ่นผิวด้วย Cutometer บริเวณโหนกแก้ม และทำการประเมินริ้วรอยด้วยรูปภาพ และติดตามผลการรักษาที่สัปดาห์ที่ 0 สัปดาห์ที่ 4 และสัปดาห์ที่8 ผลการรักษาพบว่า นาโนอิมัลชั่น TISTR-GSE-N มีประสิทธิผลช่วยลดเลือนริ้วรอยในอาสาสมัครได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับความเชื่อมั่น 0.05 ในสัปดาห์ที่ 4 และสัปดาห์ที่ 8 โดยมีค่า p0.002 และ p<0.001ตามลำดับ และบริเวณโหนกแก้ม มีค่าเฉลี่ยริ้วรอยที่ลดลงบริเวณหางตาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น 0.05สัปดาห์ที่ 4 และสัปดาห์ที่ 8 โดยมีค่า p0.012 และ <0.001 บริเวณหางตา และนาโนอิมัลชั่น TISTR-GSE-Nจะเพิ่มค่าความยืดหยุ่นผิวอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น 0.05 สัปดาห์ที่ 4 และสัปดาห์ที่ 8 มีค่า p0.001 และ p<0.001 และในประเมินความชุ่มชื้นผิวพบว่ามีค่าความชุ่มชื้นผิวที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น 0.05p สัปดาห์ที่ 4 และสัปดาห์ที่8 โดยมีค่า p0.031 และp<0.01 ในขณะที่เจลTISTR-GSE-G มีค่าเฉลี่ยริ้วรอยที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น 0.05 ในสัปดาห์ที่ 4 และสัปดาห์ที่ 8 โดยมีค่า p0.007 และ p0.002 ตามลำดับบริเวณโหนกแก้ม และมีค่าเฉลี่ยริ้วรอยที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น 0.05 ในสัปดาห์ที่ 4 และสัปดาห์ที่ 8 โดยมีค่า p<0.001 และ p<0.001 ตามลำดับบริเวณหางตา และมีค่าเฉลี่ยความชุ่มชื้นผิวที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น 0.05 ในสัปดาห์ที่ 4 และสัปดาห์ที่ 8 มีค่า p<0.001 ทั้งสองสัปดาห์บริเวณโหนกแก้มและมีความยืดหยุ่นผิวที่เปลี่ยนแปลงอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น 0.05 ในสัปดาห์ที่ 4 และสัปดาห์ที่ 8 มีค่า p0.441 และ p0.123 ตามลำดับบริเวณโหนกแก้ม สรุปจากการทดลอง พบว่า นาโนอิมัลชั่น TISTR-GSE-N มีประสิทธิผลลดริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้น และเพิ่มความยืดหยุ่นผิวอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติและใน 60 วัน และไม่มีผลข้างเคียง

Abstract: Nanotechnology is drug- delivery and developed to formulate small particle size of active ingredient. The rage of particle size between 20-500 nanoemeter and enable to penetrate into deep skin better than macro-emulsion its can prevent active ingredient degradation. The aim of this study on anti-wrinkle activity of nano-emulsion and gel containing Vitis Vinifera CV. RIBEIR (pokdum) TISTR = Thailand Institute of Scientific and Technological Research), GSE=grape seed extract in volunteers applied topical are twice daily in 15 male and female volunteers within the ages of 30-55 years and applied 8 weeks. Wrinkle were measured by visioscan VC, skin moisture content were by Corneometer and skin elasticity were measured by cutometer. The result were evaluated at preliminary study, week4 and week 8.The result of this study indicated that the topical nano-emulsion TISTR-GSE-N was superior in level of wrinkle and decreased significantly p0.002 at 4th week and 8th week on cheek and lateral canthal and Gel TISTR-GSE-G (pokdum) was increased wrinkle significantly when applied 4th weeks. The skin moisture content were measured increased significantly in Preliminary, 4th week and 8th week on nano-emulsion TISTR-GSE-N p<0.01 and gel TISTR-GSE-G decreased moisture significantly in preliminary 4th week and 8th week with p0.007 and p0.002 on cheek, respectively. The skin elasticity increased significantly in 4th week and 8th weeks on TISTR-GSE-N applied side with p<0.001 and The skin elasticity of gel TISTR-GSE-G increased no-significantly in week4 and week8 with p0.441 and p0.123 on cheek, respectively. The results of this study indicated that the nano-emulsion TISTR-GSE- could significantly improve the skin wrinkle, moisture and skin elasticity within 60 day with no side effect.

มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง. ศูนย์บรรณสารและสื่อการศึกษา

Address: เชียงราย

Email: library@mfu.ac.th

Name: จรัสพล รินทระ

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Name: ประไพภัทร คลังทรัพย์

Role: อาจารย์ที่ปรึกษาร่วม

Created: 2558

Modified: 2020-04-20

Issued: 2559-10-31

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: วพ. QV766 ป619ก 2558

tha

DegreeName: วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: วิทยาศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ

Grantor: มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

©copyrights มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	Piyanut Sani.pdf	3.3 MB	56	2023-12-08 21:26:04

ใช้เวลา

0.028418 วินาที