Abstract:
การวิจัยเรื่อง การพัฒนาระบบสารสนเทศสนับสนุนการเรียนรู้ในโรงเรียนต้นแบบ จังหวัดสุพรรณบุรี มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อประเมินผลการใช้ระบบสารสนเทศสนับสนุนการเรียนรู้ ในโรงเรียนต้นแบบ จังหวัดสุพรรณบุรี และ 2) เพื่อจัดทาแผนกลยุทธ์การส่งเสริมการใช้ระบบสารสนเทศสนับสนุนการเรียนรู้ระดับประถมและมัธยมศึกษา มีการศึกษาวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบบูรณาการ (Integrated Approaches) ที่มีการเก็บข้อมูลเชิงปริมาณ (Quantitative research) จากแบบสอบถามซึ่งมีเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักเรียนในโรงเรียนต้นแบบ (โรงเรียนกรรณสูตรศึกษาลัย โรงเรียนเมธีประมุข โรงเรียนวัดท่าไชย โรงเรียนอนุบาลสุพรรณบุรี และโรงเรียนอนุบาลด่านช้าง) จานวน 400 คน และมีการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ (Qualitative research) จากการสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลสาคัญจากโรงเรียนต้นแบบได้แก่ ผู้บริหาร ครู และนักเรียน ซึ่งมีผลการวิจัยดังนี้
1) ผลการประเมินผลการใช้ระบบสารสนเทศสนับสนุนการเรียนรู้ในโรงเรียนต้นแบบจังหวัดสุพรรณบุรี
1.1) ข้อมูลทั่วไปของนักเรียนโรงเรียนต้นแบบ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามจานวน 400 คน เป็นเพศชายคิดเป็นร้อยละ 57.25 และเป็นเพศหญิงคิดเป็นร้อยละ 42.75 เป็นนักเรียนประถมศึกษาคิดเป็นร้อยละ 45.75 อันดับสอง เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย คิดเป็นร้อยละ 34.00 และอันดับสามเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น คิดเป็นร้อยละ 20.25 ความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์ของนักเรียนโรงเรียนต้นแบบ พบว่า มีความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์อยู่ในระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 64.00 อันดับสองมีความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์อยู่ในระดับใช้เก่ง คิดเป็นร้อยละ 15.75 และอันดับสาม มีความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์อยู่ในระดับใช้เก่งมาก คิดเป็นร้อยละ 8.75 ความสามารถในการใช้อินเทอร์เน็ตของนักเรียนโรงเรียนต้นแบบ พบว่า มีความสามารถในการใช้อินเทอร์เน็ตอยู่ในระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 44.00 อันดับสอง มีความสามารถในการใช้อินเทอร์เน็ตอยู่ในระดับใช้เก่ง คิดเป็นร้อยละ 24.25 และอันดับสาม มีความสามารถในการใช้อินเทอร์เน็ตอยู่ในระดับใช้เก่งมาก คิดเป็นร้อยละ 20.00
1.2) สภาพการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศของโรงเรียนต้นแบบ พบว่า อันดับหนึ่ง
ผู้ตอบแบบสอบถามมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในส่วนของอินเทอร์เน็ต/เว็บไซต์ มีระดับการใช้
เทคโนโลยีสารสนเทศมาก ( x =3.66, SD=1.14) อันดับสอง มีการใช้สื่อมัลติมีเดียประกอบการเรียน
การสอน มีระดับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาก ( x =3.41, SD=1.20) อันดับสาม มีการใช้ระบบ e-
Learning มีระดับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศปานกลาง ( x =3.39, SD=1.07) และน้อยที่สุดคือ
ระบบอื่นๆ ได้แก่ ( x =0.29, SD=0.99) ระดับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศน้อยที่สุด
1.3) ความต้องการเทคโนโลยีสารสนเทศของโรงเรียนของผู้ตอบแบบสอบถาม
พบว่า อันดับหนึ่ง ต้องการจุดสัญญาณอินเทอร์เน็ต (Wi-Fi) มีความต้องการอยู่ในระดับมากที่สุด
( x =4.54, SD=0.90) อันดับสอง ต้องการเครื่องคอมพิวเตอร์ มีความต้องการอยู่ในระดับมากที่สุด
( x =4.23, SD=0.93) อันดับสาม ต้องการระบบฐานข้อมูล/ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการเรียน
มีความต้องการอยู่ในระดับมาก ( x =4.08, SD=0.92) และน้อยที่สุดคือระบบอื่นๆ ได้แก่
( x =0.77, SD=1.69) ระดับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศน้อยที่สุด
1.4) การประเมินการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของโรงเรียน (River Deep)
พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามมีความถี่ในการใช้ระบบ River Deep 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ คิดเป็นร้อยละ
72.75 อันดับสอง ไม่เคยใช้ คิดเป็นร้อยละ 20.75 อันดับสาม 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ คิดเป็นร้อยละ
4.50 ช่วงเวลาที่ใช้ระบบ River Deep อันดับหนึ่ง พบว่า ในระหว่างเรียนในห้องเรียน คิดเป็นร้อยละ
39.75 อันดับสอง พักกลางวัน (12.00-13.00 น.) คิดเป็นร้อยละ 34.50 อันดับสาม ก่อนเรียน
(8.00-9.00 น.) คิดเป็นร้อยละ 4.50 ตามลาดับ วัตถุประสงค์ของการใช้งาน พบว่า เพื่อเพิ่มการ
เรียนรู้ภาษาอังกฤษด้วยตนเองให้เพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 41.50 อันดับสอง เพื่อใช้เวลาว่างให้เป็น
ประโยชน์ คิดเป็นร้อยละ 28.00 อันดับสาม เพื่อใช้ประกอบการทาการบ้าน รายงาน คิดเป็นร้อยละ
13.50 ตามลาดับ การประเมินผลการใช้งานระบบ River Deep พบว่า ได้รับประโยชน์ทางด้าน
ภาษาอังกฤษจากระบบ River Deep อยู่ในระดับปานกลาง ( x =3.24, SD =1.64) อันดับสอง
สามารถนาความรู้ที่จากระบบ River Deep มาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนได้อยู่ในระดับปาน
กลาง ( x =3.23, SD=1.62) อันดับสาม ความพึงพอใจโดยรวมกับระบบ River Deep อยู่ในระดับ
ปานกลาง ( x =3.22, SD=1.67)
1.5) การประเมินการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของโรงเรียน (SchoolLIB)
พบว่า ไม่เคยใช้ คิดเป็นร้อยละ 61.75 อันดับสอง 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ คิดเป็นร้อยละ 30.75 อันดับ
สาม 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ คิดเป็นร้อยละ 4.50 ตามลาดับ ช่วงเวลาที่ใช้ระบบ SchoolLib พบว่า
ช่วงพักกลางวัน (12.00-13.00 น.) คิดเป็นร้อยละ 23.75 อันดับสอง ระหว่างเรียนในห้องเรียน
คิดเป็นร้อยละ 7.25 อันดับสาม ก่อนเรียน (8.00-9.00 น.) คิดเป็นร้อยละ 4.75 ตามลาดับ
วัตถุประสงค์ของการใช้งาน อันดับหนึ่งพบว่า เพื่อใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ คิดเป็นร้อยละ 16.00
ค
อันดับสอง เพื่อเพิ่มการเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้วยตนเองให้เพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 13.75 อันดับสาม
เพื่อใช้ประกอบการทาการบ้าน รายงาน คิดเป็นร้อยละ 8.75 ตามลาดับ การประเมินผลการใช้งาน
ระบบ SchoolLib พบว่า ความพึงพอใจโดยรวมกับระบบ SchoolLib อยู่ในระดับน้อยที่สุด
( x =1.51, SD=2.01) อันดับสองได้รับประโยชน์ทางด้านภาษาอังกฤษจากระบบ SchoolLib อยู่ใน
ระดับน้อยที่สุด ( x =1.49, SD=1.97) อันดับสาม สามารถนาความรู้ที่จากระบบ SchoolLib
มาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนได้ อยู่ในระดับน้อยที่สุด ( x =1.48, SD=1.94)
2) แผนกลยุทธ์การส่งเสริมการใช้ระบบสารสนเทศสนับสนุนการเรียนรู้ระดับประถม
และมัธยมศึกษา พ.ศ. 2558-2561 มี 5 กลยุทธ์ คือ กลยุทธ์ที่ 1 เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอน
ด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสร้างโอกาสการเรียนรู้ตลอดชีวิต กลยุทธ์ที่ 2 ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี
สารสนเทศเพื่อพัฒนาศักยภาพของนักเรียนเพื่อรองรับอาเซียน กลยุทธ์ที่ 3 ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี
สารสนเทศในห้องสมุดและแหล่งเรียนเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ด้วยตนเอง กลยุทธ์ที่ 4 พัฒนาทักษะ
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศของนักเรียนและครูในโรงเรียน กลยุทธ์ที่ 5 ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี
สารสนเทศเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการของโรงเรียนแบบพลวัต ซึ่งประกอบไปด้วยโครงการทั้งสิ้น
จานวน 13 โครงการ
The objectives of this research are to 1) evaluate the information system
implemented in the pilot schools in Suphanburi province 2) develop the strategic
plan of utilization and information technology support in primary and high school.
Research methodology was integrated by quantitative method (collected data from
400 questionnaires) and qualitative methods (collected data from in-depthinterview).
Data was analyzed by SWOT and developed strategic plan. The result
found that
1) The result of evaluation the information system implement in the
pilot school
1.1) Demography background found that students were male
57.25%, female 42.75%, study in primary school 45.75%, senior highs cool 34.00%
and junior high school 20.25% respectively. The students have ability of using
computer in average 64.00%, high skill 15.75% and highest skill 8.75%. The students
have ability of using internet in average 44.00%, high skill 24.25% and highest skill
20.00%.
1.2) The information technology using in pilot school the result
found that, student using internet/website above average ( x = 3.66, SD = 1.14), using
multimedia for learning higher average ( x = 3.41, SD = 1.20), using e-learning in
average ( x = 3.39, SD = 1.07), and using other system lower average ( x =0.29,
SD = 0.99) respectively.
1.3) The information technology needed, WiFi ( x = 4.54, SD = 0.90),
computer ( x = 4.23, SD = 0.93), information system/database ( x = 4.08, SD = 0.92)
and other information system ( x = 0.77, SD = 1.69), respectively.
1.4) The result of River Deep evaluation found that, the student
using River Deep 1-2 time/week 72.75%, never use in week 20.75 and use 3-4
time/week 4.50%. Time that using River Deep found that, in classroom 39.75%, lunch
time 34.50% and before class 4.50% respectively. The objective of using River Deep
found that, increase English knowledge 41.50%, using for valuable free time 28.00%
and supporting home work 13.50%. The student gain knowledge in English ( x = 3.24,
SD = 1.64), apply knowledge from River Deep to support their learning ( x = 3.23,
SD = 1.62) and overall satisfaction ( x = 3.22, SD = 1.67).
1.5) The result of SchoolLIB evaluation found that, the student never
use 61.75%, use 1-2 time/week 30.7% and use 3-4 time/week 4.50%. Time that using
SchoolLIB found that, lunch time 23.75%, in class 7.25% and before class 4.75%. The
objective of using the system found that, using for valuable free time 16.00%,
support self learning 13.75% and support doing homework 8.75% respectively. The
evaluation of SchoolLIB found that, overall satisfaction ( x =1.51, SD =2.01), gain
English knowledge ( x = 1.49, SD = 1.97) and apply knowledge for teaching and
learning ( x = 1.48, SD = 1.94).
2) The strategic plan of utilization and information technology support in
primary and high school consisted of 5 strategic 1) increasing teaching and learning
capability by using information technology to support lifelong learning 2) support
information technology using for ASEAN 3) supporting information technology in
library and knowledge center 4) develop information technology skills of staff and
students and 5) information technology for support school dynamic management.
The strategic plan was consisted of 13 projects.
Suan Dusit Rajabhat University. Office of Academic Resources and Information Technoligy