บทบาทผู้บริหารในการส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ของครูตามหลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในโรงเรียนมัธยมศึกษา จังหวัดปทุมธานี

Roles of school administrator to enhance the learning management of teachers according to the basic curricurum of secondary schools in Pathum Thani province

Name: จิราภา เพียรเจริญ

ThaSH: การบริหารการศึกษา -- การศึกษาเฉพาะกรณี

Classification :.DDC: 373.1

ThaSH: ผู้บริหารโรงเรียน -- ทัศนะเกี่ยวกัยการส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ของครู.

ThaSH: การเรัยนรู้

Abstract: การวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบ ระดับการรับรู้ในการปฏิบัติของผู้บริหารและครู ตามข้อมูลภูมิสังคมคือตำแหน่ง ที่ตั้งและขนาดของโรงเรียนเกี่ยวกับบทบาทผู้บริหารในการส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ของครูตามหลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในโรงเรียนมัธยมศึกษา จังหวัดปทุมธานี และเพื่อศึกษาปัญหาและข้อเสนอแนะตามระดับการรับรู้ในการปฏิบัติของผู้บริหารและครูเกี่ยวกับบทบาทผู้บริหารในการส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ของครูตามหลักสูตรสถานศึกษา ขั้นพื้นฐานในโรงเรียนมัธยมศึกษา จังหวัดปทุมธานี ตัวอย่างได้แก่ได้แก่ ผู้บริหารและครู ที่ปฏิบัติงานในโรงเรียนมัธยมศึกษา จังหวัดปทุมธานี จำนวน 310 คน คือ ผู้บริหาร 110 คน และครู 200 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น มีค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามทั้งฉบับ .963 การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้วิธีหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ความเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป ผลการวิจัยสรุปได้ว่า 1. ผลการศึกษาพบว่าผู้บริหารและครูมีระดับการรับรู้ในการปฏิบัติเกี่ยวกับบทบาทผู้บริหารในการส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ของครูตามหลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในโรงเรียนมัธยมศึกษา จังหวัดปทุมธานี ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่ามีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยด้านการกำหนด นโยบายและแผนการจัดการเรียนรู้ของครู มีค่าเฉลี่ยของระดับคะแนนสูงสุด ด้านการจัดสรรงบประมาณและจัดทุนสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ของครู มีค่าเฉลี่ยของคะแนนอยู่ในระดับต่ำ ส่วนด้านการส่งเสริมการพัฒนาครูมีค่าเฉลี่ยของระดับคะแนนต่ำสุด ตามลำดับ 2. ผลการเปรียบเทียบระดับการรับรู้ในการปฏิบัติของผู้บริหารและครูเกี่ยวกับบทบาทผู้บริหารในการส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ของครูตามหลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในโรงเรียนมัธยมศึกษา จังหวัดปทุมธานี ตามข้อมูลภูมิสังคมคือตำแหน่ง ที่ตั้งและขนาดของโรงเรียนพบว่าไม่แตกต่างกัน ยกเว้นผลการเปรียบเทียบตามขนาดโรงเรียนรายด้านพบว่าด้านการกำหนดนโยบายและแผนการจัดการเรียนรู้ของครูที่มีระดับการรับรู้ในการปฏิบัติแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และด้านการส่งเสริมการพัฒนาครูแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3. ปัญหาและข้อเสนอแนะตามระดับการรับรู้ในการปฏิบัติของผู้บริหารและครู เกี่ยวกับบทบาทผู้บริหารในการส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ของครูตามหลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในโรงเรียนมัธยมศึกษา จังหวัดปทุมธานี แยกเป็นดังนี้ 1) สรุปปัญหาจากการวิเคราะห์คำถามปลายเปิด ด้านผู้บริหารพบว่าผู้บริหารไม่เน้นการกำหนดนโยบายและแผนการจัดการเรียนรู้ของครูให้ชัดเจนก่อนเปิดภาคเรียน ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้นิเทศการจัดการเรียนรู้ของครูมีภาระงานมากการนิเทศจึงไม่ต่อเนื่อง ครูผู้สอนไม่วางแผนล่วงหน้าในการใช้งบประมาณ จากการสัมภาษณ์ผู้บริหารโรงเรียนพบว่างบประมาณไม่เพียงพอ ครูบรรจุใหม่มีมากและขาดประสบการณ์ ครูไม่นำผลการนิเทศไปพัฒนาการจัดการเรียนรู้อย่างจริงจัง ครูมักคิดว่าถึงอย่างไรก็ได้ 1.5 ขั้นเหมือนกันจึงขาดแรงกระตุ้นในการทำงาน ส่วนด้านครูพบว่าครูมีภาระงานอื่นมาก ทำให้ครูบางคนไม่มีเวลาในการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ หลักสูตรและการจัดการหลักสูตรมีการเปลี่ยนโครงสร้างบ่อยทำให้การดำเนินงานของครูผู้สอนไม่ต่อเนื่องยังไม่เห็นผลสัมฤทธิ์ การดำเนินงานและแกนนำผู้รับนโยบายไม่สามารถถ่ายทอดให้ตรงตามวัตถุประสงค์ของนโยบายบริหาร ครูยังขาดการส่งเสริมในการอบรมพัฒนาตนเองในด้านเทคโนโลยี และความรู้ที่ทันสมัย เซอร์ฟเวอร์ ของ เว็บบราวเซอร์ ที่ให้ครูศึกษาเรียนรู้ ไม่มีขนาดใหญ่พอที่จะรองการการพัฒนาของครูได้ การดำเนินการไม่ได้สร้างความตระหนักแก่ครูผู้สอน ทำให้ครูผู้สอนส่วนหนึ่ง ไม่เห็นด้วยกับแผนพัฒนาครู อินเตอร์เน็ตของโรงเรียนช้ามากบางครั้งขาดช่วงใช้ไม่ได้ ด้านการจัดสรรงบประมาณและจัดทุนสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ของครูงบประมาณไม่เพียงพอในการจัดการเรียนรู้ ส่วนการให้รางวัลและการเสริมแรงแก่ครูนั้นไม่ชัดเจน ไม่โปร่งใส ไม่มีการประกาศแจ้งครูรับทราบ 2) สรุปข้อเสนอแนะจากคำถามปลายเปิดเป็น 2 ด้านคือด้านผู้บริหารและด้านครู ด้านผู้บริหารสรุปว่าผู้บริหารควรถ่ายทอดนโยบาย แนวปฏิบัติให้ครูผู้สอนทราบอย่างชัดเจนก่อนเปิดภาคเรียน ไม่ควรมีการเปลี่ยนหลักการและแนวปฏิบัติ ก่อนที่จะมีการประชาพิจารณ์ ควรจัดอบรมกระตุ้นครูทุกปีหรือทุกภาคเรียน ควรมีการส่งเสริมให้ครูอบรมพัฒนาตนเองด้านเทคโนโลยีและความรู้ที่ทันสมัยด้านต่างๆ การนิเทศและการกำกับติดตามการจัดการเรียนรู้ของครูควรระบุคาบนิเทศให้ผู้ที่มีหน้าที่เป็นหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้เป็นคาบสอน การให้รางวัลและการเสริมแรงแก่ครูนั้นควรมีแนวการประเมินที่ชัดเจน ตรวจสอบตามสภาพจริง แจ้งให้ครูทราบกฎเกณฑ์อย่างโปร่งใส เมื่อมีผู้ใดได้รับรางวัลควรประกาศให้ทราบ ส่วนด้านครูคือครูผู้สอนควรวางแผนล่วงหน้าในการใช้งบประมาณในการจัดการเรียนรู้ของครู

มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์. ศูนย์สนเทศและหอสมุด.

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: library@dpu.ac.th

Name: กล้า ทองขาว

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Modified: 2557-12-04

Created: 2555

Issued: 2557-04-11

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: วพ373.1 จ536บ

tha

DegreeName: ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: การจัดการการศึกษา

Grantor: มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

©copyrights มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	Cover.pdf	430 KB	116	2025-04-15 11:54:52
2	ABS.pdf	308.46 KB	111	2025-06-02 13:22:04
3	Chap_1.pdf	341.21 KB	126	2024-08-24 09:08:55
4	Chap_2.pdf	649.77 KB	228	2025-07-13 19:50:48
5	Chap_3.pdf	317.84 KB	76	2024-08-24 09:09:04
6	Chap_4.pdf	595.61 KB	110	2024-08-24 09:09:11
7	Chap_5.pdf	349.56 KB	104	2024-08-24 09:09:16
8	App-bip.pdf	361.57 KB	108	2024-08-24 09:09:20
9	App.pdf	5.85 MB	114	2024-08-24 09:09:25
10	Vita.pdf	338.35 KB	68	2024-08-24 09:09:31

ใช้เวลา

0.272462 วินาที