ค่าคาร์บอนอินเทนซิตี้ของบ้านพักอาศัยในประเทศไทย

Carbon Intensity of Residential Buildings in Thailand

Name: นลินี เอนกแสน

Name: Nalinee Aneksaen

keyword: การปล่อยก๊าซเรือนกระจก

Abstract: งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการใช้พลังงานในการก่อสร้างบ้าน และการพักอาศัยของประเทศไทยที่มีรูปแบบบ้าน พื้นที่ใช้สอย รวมถึงวัสดุในการก่อสร้างที่แตกต่าง กัน ได้แก่ บ้านก่ออิฐมอญ บ้านคอนกรีตมวลเบา บ้านชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast) และบ้าน ครึ่งไม้ครึ่งปูน โดยเก็บข้อมูลบ้านพักอาศัยจำนวน 42 หลังสามารถแบ่งขนาดตามพื้นที่ใช้สอยได้เป็น 3 ขนาด คือ ขนาดเล็ก (120-180 m2) ขนาดกลาง (181-350 m2) และขนาดใหญ่(351-500 m2) และ สามารถแบ่งแบบบ้านออกเป็น 3 รูปแบบ คือ บ้านร่วมสมัย บ้านสมัยนิยม และบ้านไทยประยุกต์ ขอบเขตการศึกษาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมีทั้งหมด 3 ขอบเขต เริ่มตั้งแต่การได้มาของวัตถุดิบใน การก่อสร้าง (Cradle-to -Gate1) ข้อมูลได้จากรายการบัญชีแสดงปริมาณราคาและวัสดุ (Bill of Quantities) ส่วนของกระบวนการก่อสร้าง (Gate1-to-Gate2) โดยอ้างอิงข้อมูลการคำนวณจากข้อมูล ของประเทศไทย และการใช้พลังงานในช่วงอยู่อาศัย (Use phase) คำนวณโดยใช้โปรแกรม Energyplus ในหน่วยของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ผลการศึกษาพบว่า บ้าน Prexast มีปริมาณ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงที่สุดเท่ากับ 237.51+- 40.08 kgCO2e/m2 รองลงมาคือ บ้านก่ออิฐมอญ บ้านคอนกรีตมวลเบา และบ้านครึ่งไม้ครึ่งปูนเท่ากับ 215.61 -+ 36.09 kgCO2e/m2 194.65-+ 26.56 kgCO2e /m2 และ 4.41 -+ 36.91 kgCO2e /m2 ตามลำดับ เมื่อพิจารณาขนาดของบ้านพักอาศัย (คละ แบบ) พบว่าบ้านขนาดใหญ่มีแนวโน้มการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าบ้านขนาดกลางและขนาด เล็ก ซึ่งบ้านขนาดใหญ่มีค่าการปล่อยเท่ากับ 82.79 -+ 94.14 kg CO2e /m2 ในขณะที่บ้านขนาดเล็กและ ขนาดกลางมีค่าการปล่อยเท่ากับ 133.24-+40.61 kgCO2e /m2 และ 120.35 -+ 55.15 kgCO2e /m2 ตามลำดับ เมื่อพิจารณารูปแบบบ้านพบว่า บ้านไทยประยุกต์มีค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยที่สุด เท่ากับ 4.41 -+ 36.41 kgCO2e /m2 รองลงมาคือบ้านสมัยนิยมและบ้านร่วมสมัยมีค่า 240.65-+82.86 kgCO2e /m2 และ 253.09 kgCO2e /m2 ตามลำดับ เมื่อพิจารณาร้อยละการปล่อยก๊าซเรือน กระจกจากวัสดุและกระบวนการก่อสร้างพบว่า แหล่งปล่อยหลักมากกว่าร้อยละ 98 มาจากส่วนของ วัสดุก่อสร้างและร้อยละ 2 มาจากส่วนกระบวนการก่อสร้าง เมื่อศึกษาผลของวัสดุผนังต่อการใช้ พลังงานไฟฟ้าในช่วงอยู่อาศัย (Use Phase) ของบ้านที่มีรูปแบบเหมือนกันแต่มีผนังต่างกัน 4 ชนิดคือ ไม้เนื้อแข็ง คอนกรีตมวลเบา คอนกรีตและอิฐมอญ พบว่ามีค่าการใช้ไฟฟ้าในจากเครื่องปรับอากาศ เท่ากับ 18.92 k Wh/m2/y 25.30 kWh/m2/y 27.23 kWh/m2/y และ28.89 kWh/m2/y ตามลำดับเมื่อ พิจารณาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้ง 3 ขอบเขต ตลอดช่วงการพักอาศัยทั้ง 25 ปีแล้ว พบว่าบ้านไทย ประยุกต์มีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยที่สุดมีค่าการปล่อยเท่ากับ 491.11 kgCO2e /m2 และ รองลงมาคือบ้านคอนกรีตมวลเบา บ้านคอนกรีต และบ้านอิฐมอญมีค่าการปล่อยเท่ากับ798.45 kgCO2e /m2 813.66 kgCO2e/m2 และ842.52 kgCO2e /m2 ตามลำดับ แนวทางในการลดพลังงานและ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทำได้โดยการเลือกใช้ระบบวัสดุผนังที่มีมวลอุณหภาพและการกักเก็บ ความร้อนต่ำ การปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศของบ้านพักอาศัยขึ้น 1 ํ C และการเลือกใช้กระ จกที่มีค่าสัมประสิทธิ์การถ่ายเทความร้อนจากรังสีอาทิตย์ (SHGC) ต่ำ พบว่า ค่าการใช้พลังงานและ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ลดลงมากที่สุดมาจากการลดอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศซึ่งมีค่า 995.75 KWh/y และ 558.62 kgCO2e /y

Abstract: This research aims to study the greenhouse gas emissions and energy consumption in the residential construction that has differences in house style, functional, area, construction methods and building materials such as brick, lightweight concrete, precast concrete and half wood-half concrete house. The activity data was collected from 42 samples which can be divided into three sizes: small (120180 m), medium (181-350 m2) and large (351-500 m2) including three different styles which are contemporary style, modem style and Thai-modem style. The greenhouse gas emission in the unit of kgCO2e 1m2 was calculated from three scopes: 1) the acquisition of construction materials (Cradle-to-Gate.) of which the data came from transaction price and quantity of materials (Bill of Quantities), 2) the construction process (Gate1-to-Gate2) and 3) the energy consumption during use phase of the residential houses calculated by the EnergyPlus program. The results found that the highest greenhouse gas emissions excluding the greenhouse emission during use phase was belong to the precast house (237.51+-40.08 kgCO2e 1m2) followed by the brick house (215.61+-36.09 kgCO2e /m2), lightweight concrete house (194.65+-26.56 kgCO2e/m2) and half wood-half concrete house (4.41+-36.91 kgCO2e/m2), respectively. Considering the size of the house (mixed house models), the large house emitted greenhouse gas less than small and medium-size house. The greenhouse gas emission from large house contributed 82.79+-94.14 kgCO2e/m2, while that from small and medium-sized house contributed 133.24+-40.61 kgCO2e/m2 and 120.35+-55.15 kgCO2e /m2. House style also plays an important role in greenhouse gas emission. It was found that the modem house, Thai-modem and contemporary emitted 4.41+-36.41 kgCO2e/m2, 240.65+-82.86 2 kgCO2e/m and 253.09+-20.63 kgC02e /m2, respectively. Interestingly, 98 percentages of greenhouse gas emissions sources came from building materials and only 2 percentages came from construction processes. The differences of wall materials also affected the electricity consumption during use phase of residential houses. The annual electricity consumed for air conditioner of the houses made from lightweight concrete, hardwood, concrete and brick was 18.92 kWh/m2/y, 25.30 kWh/m2/y, 27.23 kWh/m2/y and 28.89 kWh/m2/y, respectively. Accordingly, the 25 years greenhouse gas emissions during residential phase was emitted from lightweight concrete house (798.45 kgC02e /m2), followed by concrete house (813.66 kgC02e /m2) and brick house (842.52kg C02e /m2) and Thai-modem house (491.11 kgCO2e /m2) which is the least emission. There are three alternatives to reduce energy consumption and greenhouse gas emission from residential houses such as using alternative wall insulation which has low thermal mass and low heat storage, increaing at least 1 DC for temperature setting of air conditioner and using alternative glass which has low solar heat gain coefficient (SHGC). The best overall energy reduction and greenhouse gas emissions from implementing these options were 995.75 kWhly and 558.62 kgCO2e /y.

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี. สำนักหอสมุด

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: info.lib@mail.kmutt.ac.th

Name: สิริลักษณ์ เจียรากร

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Created: 2554

Modified: 2555-06-26

Issued: 2555-06-25

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: EV609

tha

DegreeName: วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม

Grantor: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	EV609.pdf	3 MB	52	2024-01-10 16:06:23
2	EV609ab.pdf	37.51 KB	22	2024-08-20 12:04:26

ใช้เวลา

0.036134 วินาที