Performance of plastic and terracotta reactors for food waste composting

สมรรถนะของถังพลาสติกและกระเบื้องดินเผาสำหรับหมักขยะเศษอาหาร

Name: Varangrut Phokaew

LCSH: Sewage -- Activated sludge process

LCSH: Sewage -- Aeration

LCSH: Sewage sludge -- Environmental aspects

Abstract: The objective of this study was to determine the performance of plastic and terracotta reactors for food waste composting. This research studied the performance of terracotta and plastic containers for making compost from food waste under various conditions. The conditions consisted of two composting reactor types (plastic and terracotta), three types of aeration (pile-turning, adding bulking agents and natural condition) and recirculating system with leachate. This research composed of six experiment treatments of food waste composting conditions in plastic and terracotta containers. The container size was 21 cm. in diameter and 19.5 cm. high with sawdust, 40 mesh, used as bulking agent. Hard decomposed materials were removed from food waste before composting. Pile-turning was used for treatments 1 and 2, and leachate recirculating system was added for treatment 1. Bulking agents were added for treatments 3 and 4, and leachate recirculating system was added for treatment 3. Treatments 5 and 6 used natural conditions, and leachate recirculating system was added for treatment 5. This research also aimed to determine the duration of compost in each treatment to determine minimum time to produce compost to be used as soil amendment. The results showed that the composting reactor types were affected by temperature and moisture content. It also showed that the aeration affected characteristic changes such as pH level, moisture content, organic carbon, volatile solids, total nitrogen and C/N ratio. The results indicated that the parameters of pH, moisture content, volatile solid, organic carbon, total nitrogen and C/N ratio in compost by pile turning and natural conditions were not significantly different. Adding leachate using a recirculating system had no effect on any characteristic change in composting including pH, moisture content, temperature, volatile solids, organic carbon, total nitrogen and C/N ratio. The results suggested that treatment 3, adding bulking agents, adding leachate and using terracotta as a composting reactor, showed the best performance among other treatments in this study since all characteristics met the criteria in the shortest time (10 days). Furthermore, the compost grade of end products had a higher amount of nutrients than the standard for good compost recommended by the Thai Department of Land Development

Abstract: งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเหมาะสมของถังหมักประเภทพลาสติก และกระเบื้องดินเผา สำหรับหมักขยะประเภทเศษอาหาร โดยศึกษาถึงความเหมาะสมในการทำปุ๋ยหมักภายใต้สภาวะต่างๆ ซึ่ง ประกอบด้วยประเภทของถัง 2 ชนิด คือ พลาสติกและดินเผา ส่วนการให้อากาศ ด้วยการกวนกลับกองปุ๋ยหมัก การใช้วัสดุพยุงและสภาวะตามธรรมชาติ รวมทั้งมีการใช้การวนกลับของน้ำชะขยะร่วมด้วย โดยงานวิจัยนี้แบ่ง การหมักออกเป็น 6 สภาวะการทดลองทั้งในถังพลาสติกและถังดินเผา ซึ่งขนาดของถังที่นำมาใช้ มีเส้นผ่าน ศูนย์กลาง 21 เซนติเมตร และสูง 19.5 เซนติเมตร ใช้ขี้เลื่อยขนาด 40 เมซ เป็นวัสดุพยุง เศษอาหารที่นำมาใช้หมัก ถูกคัดแยกเอาส่วนที่ย่อยสลายได้ยากออกก่อนที่จะนำมาใช้ในการหมัก ในการวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหาช่วง ระยะเวลาที่เหมาะสมของแต่ละสภาวะการทดลองซึ่งใช้เวลาในการหมักน้อยและผลผลิตที่ได้สามารถนำมาใช้เป็น สารปรับปรุงดิน ผลจากการวิจัยครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าประเภทของถังที่ใช้ในการหมักมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของ อุณหภูมิและปริมาณความชื้นในกองหมัก ส่วนการให้อากาศโดยวิธีต่างๆ มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงคุณลักษณะของ กองหมัก คือ ค่าความเป็นกรดเป็นด่าง ปริมาณความชื้น ปริมาณอินทรีย์คาร์บอน ปริมาณของแข็งระเหย ปริมาณ ไนโตรเจน และอัตราคาร์บอนต่อไนโตรเจน และจากการทดสอบความแตกต่างรายคู่ พบว่า การกวนกลับกองปุ๋ย หมัก และการหมักตามสภาวะตามธรรมชาติ ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลง ค่าความเป็นกรดเป็นด่าง ปริมาณความชื้น ปริมาณอินทรีย์คาร์บอน ปริมาณของแข็งระเหย ปริมาณไนโตรเจน และอัตราคาร์บอนต่อไนโตรเจน ในกองหมัก ไม่ต่างกัน ซึ่งระบบการวนน้ำชะขยะไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงค่าความเป็นกรดเป็นด่าง ปริมาณความชื้น อุณหภูมิ ปริมาณอินทรีย์คาร์บอน ปริมาณของแข็งระเหย ปริมาณไนโตรเจน และอัตราคาร์บอนต่อไนโตรเจนใน กระบวนการหมัก จากผลการศึกษาครั้งนี้ พบว่าสภาวะการหมักเศษอาหารร่วมกับการใส่วัสดุพยุงและระบบวนน้ำ ชะขยะ ภายในถังดินเผา มีสมรรถนะการหมักดีที่สุด เนื่องจากทุกคุณลักษณะของการหมักผ่านตามเกณฑ์ คุณลักษณะของการหมักและใช้เวลาในการหมักน้อย ซึ่งใช้ระยะเวลา 10 วัน และผลผลิตที่ได้มีปริมาณธาตุอาหาร สำหรับพืชสูงกว่าค่ามาตรฐานของปุ๋ยหมักที่แนะนำโดยกรมพัฒนาที่ดิน

Mahidol University

Address: NAKHONPATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Kraichat Tantrakarnapa

Role: Thesis Advisors

Created: 2009

Modified: 2553-06-18

Issued: 2010-06-18

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: TH V288p 2009

eng

DegreeName: Master of Science

Level: Master's Degree

Descipline: Environmental Sanitation

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4736304.pdf	922.19 KB	71	2024-11-13 08:57:10

ใช้เวลา

0.235032 วินาที