Improvement of communication effeciency in half mask users

การเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารของผู้ใช้หน้ากากนิรภัยชนิดครื่งหน้า

Name: Phontip Kanlasuth

LCSH: Communication

LCSH: Oral communication

Abstract: The speech of workers obviously decreases when wearing half mask respirators, which consequently, affects to communication efficiency. Thus, this study aimed to improve the communication efficiency of workers wearing half mask respirators with communication devices: Amplifier and FM transmitters. In the experiment, a sound level of 90 dB(A) was generated under a half mask respirator and results of this sound level was measured at 0.25, 0.50, 1.00, 2.00 meters from the respirator. The sound properties of this study were pure tone and speech at 500, 1000, 2000, 4000 and 8000 Hz. The speech communication efficiency was also determined at a background noise of 75, 80, 85 and 90 dB(A). The results revealed that decreasing sound level was associated with increasing communication distance except for the communication from FM transmitter half mask. The sound level of pure tone at 500 - 2000 Hz increased with the increasing of frequency but decreased at 4000 - 8000 Hz. The sound level of speech at 500 - 2000 Hz was not different at these frequencies but decreased at 4000 - 8000 Hz. The results of this study also confirmed that communication efficiency depends on communication distance. However, the relationship was not influenced using FM transmitter half mask. Communication in background noise of 90 dB(A) while wearing half mask without communication equipment failed at a communication distance of more than 2 meters.

Abstract: เมื่อผู้ใช้หน้ากากนิรภัยชนิดครึ่งหน้าต้องการจะพูดกับผู้ร่วมงาน เสียงที่ผ่านออกมาจะมีระดับเสียงลดลง ทำ ให้ประสิทธิภาพในการสื่อสารลดลงด้วย ดังนั้นจึงได้มีการศึกษาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารของผู้ใช้ หน้ากากนิรภัยชนิดครึ่งหน้า โดยพัฒนาการสื่อสารซึ่งใช้เครื่องขยายเสียงและเครื่องส่งคลื่นวิทยุ FM กับหน้ากาก นิรภัยชนิดครึ่งหน้า ในการทดลองจะทำการวัดระดับความดังของเสียงที่ผ่านหน้ากากนิรภัยชนิดครึ่งหน้าที่ระดับ ความดัง 90 dB(A) ที่ระยะทางระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับสารเป็น 0.25, 0.50, 1.00 และ 2.00 เมตร ลักษณะเสียงที่ ทำการทดสอบเป็นเสียงบริสุทธิ์และเสียงพูด ที่ความถี่ 500, 1000, 2000, 4000 และ 8000 Hz จากนั้น ทำการ ทดสอบประสิทธิภาพการสื่อสารโดยการบันทึกจำนวนคำที่ผู้รับสารสามารถที่จะรับรู้ความหมายได้ถูกต้อง ครบถ้วน ในสภาพแวดล้อมที่มีระดับความดังของเสียง 75, 80, 85 และ 90 dB(A) ผลการศึกษาระดับความดังของเสียงพบว่า เมื่อระยะทางระหว่างผู้ส่งสารกับผู้รับสารเพิ่มขึ้นทำให้ระดับ ความดังของเสียง มีแนวโน้มลดลง ยกเว้นการสื่อสารโดยใช้เครื่องส่งคลื่นวิทยุ FM, ลักษณะเสียงบริสุทธิ์ที่ช่วง ความถี่ 500 – 2000 Hz เมื่อความถี่เพิ่มขึ้นทำให้ระดับความดังของเสียงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ที่ช่วงความถี่ 4000 – 8000 Hz มีค่าลดลง และเสียงพูด ที่ช่วงความถี่ 500 – 2000 Hz เมื่อความถี่เพิ่มขึ้นระดับความดังของเสียง มีแนวโน้มคงที่ แต่ที่ช่วงความถี่ 4000 – 8000 Hz มีค่าลดลง สำหรับผลการศึกษาการสื่อสารพบว่า เมื่อระยะทาง ระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับสารเพิ่มขึ้นทำให้ประสิทธิภาพการสื่อสารมีแนวโน้มลดลง แต่จะ มีผลน้อยที่สุดในการ สื่อสารโดยใช้เครื่องส่งคลื่นวิทยุ FM, เมื่อระดับความดังของเสียงในสภาพแวดล้อมเพิ่มสูงขึ้นการสื่อสารมี แนวโน้มลดลงโดยเฉพาะการสื่อสารเมื่อใช้หน้ากากนิรภัยชนิดครึ่งหน้าที่ไม่มีอุปกรณ์สื่อสารจะไม่สามารถ สื่อสารได้เมื่อระยะห่างของผู้ส่งสารและผู้รับสารเกิน 2 เมตร ในพื้นที่ที่มีเสียงในสภาพแวดล้อมดังมากกว่า 90 dB(A)

Mahidol University

Address: NAKHONPATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Pramuk Osiri

Role: Thesis Advisors

Created: 2008

Modified: 2553-06-22

Issued: 2010-06-16

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: TH P574i 2008

eng

DegreeName: Master of Science

Level: Master's Degree

Descipline: Industrial Hygiene and Safety

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4736575.pdf	13.58 MB	64	2022-02-02 14:33:57

ใช้เวลา

0.262217 วินาที