Accessibility and contraceptive use dynamics among married women in Kanchanaburi demographic surveillance system

Name: Nisaporn Wattanasupt

ThaSH: Kanchanaburi Project

ThaSH: Contraceptives

ThaSH: Contraception

ThaSH: Birth control

ThaSH: Married women

Abstract: This research aimed to examine the effect of contraceptive use dynamics among married women in the Kanchanaburi Demographic Surveillance System (KDSS). Data on contraceptive use dynamics is from the contraceptive calendar from the Kachanaburi project, implemented by the Institute for Population and Social Research, Mahidol University, Thailand. Accessibility data is derived from geographical information systems (GIS) techniques. Family planning accessibility was classified into access to quantity and access to quality of family planning service. Travel time to the nearest family planning service facility and density of family planning facilities within 10 kilometers are indicators of access to quantity of services. The number of contraceptive method available at the nearest facility is an indicator of access to quality of family planning service. Contraceptive use dynamics are divided into four categories: 1) postpartum adoption, 2) contraceptive discontinuation, 3) contraceptive failure, and 4) contraceptive switching. The hypothesis for this study was that women who have better geographical access to and better quality of family planning services are more likely to have more logical behavior in contraceptive use dynamics. The results indicated that only access to quantity is statistically related to postpartum adoption. Less travel time and more density of service facilities increase the odd of postpartum adoption. Increase in travel time increases the odd of contraceptive discontinuation and increases the odd of contraceptive failure. The density of public service facilities also decreases the odd of contraceptive failure. Contrary to the hypothesis, the odd of contraceptive switching increases when travel time to service location increase. Furthermore, women who have more density of public service facilities are less likely to switch the method. Regarding the quality of family planning services, the results show that fewer methods available increase odd of contraceptive failure. The policy implications derived from this study are to improve the quality of family planning supply by increasing number of contraceptive method choices. In the mean time, the family planning program should further eliminate this geographical accessibility by alternative channels of family planning service such as mobile clinics or providing through community health volunteer.

Abstract: การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการเข้าถึงบริการกับพฤติกรรมคุมกำเนิดของสตรีที่แต่งงานแล้วใน โครงการเฝ้าระวังทางประชากรกาญจนบุรี โดยพฤติกรรมคุมกำเนิดศึกษาจากข้อมูลปฏิทินการคุมกำเนิด (Contraceptive calendar year) ของโครงการกาญจนบุรี ซึ่งดำเนินการโดยสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล และข้อมูลการเข้าถึงบริการได้จากการวิเคราะห์โดยใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) การเข้าถึงบริการคุมกำเนิดแบ่งเป็นการเข้าถึงบริการเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ โดยตัวชี้วัดการเข้าถึง บริการเชิงปริมาณได้แก่ ระยะเวลาที่ใช้เดินทางไปยังสถานีบริการของรัฐที่ใกล้ที่สุดและความหนาแน่น ของสถานบริการในระยะ 10 กิโลเมตร และการเข้าถึงบริการเชิงคุณภาพมีตัวชี้วัดคือ จำนวนวิธีคุมกำเนิดที่ ให้บริการในแต่ละปี สำหรับพฤติกรรมคุมกำเนิดนั้นศึกษาใน 4 พฤติกรรมคือ 1) การรับการคุมกำเนิดหลัง คลอดบุตร 2) การยั้งใช้การคุมกำเนิดในขณะที่ยังมีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ 3) ความล้มเหลวของการ คุมกำเนิด และ 4) การเปลี่ยนวิธีคุมกำเนิด โดยมีสมมุติฐานว่า สตรีที่เข้าถึงบริการได้สะดวกกว่าจะมี พฤติกรรมคุมกำเนิดที่ดีกว่า ผลการศึกษาพบว่า มีเพียงตัวแปรการเข้าถึงบริการเชิงปริมาณที่มีผลต่อการยอมรับการคุมกำเนิดหลังคลอด โดยสตรีที่ใช้ระยะเวลาในการเดินทางน้อยกว่าและอยู่ในพื้นที่ที่มีความหนาแน่นของสถานบริการที่ มากกว่าจะมีการยอมรับการใช้การคุมกำเนิดหลังคลอดมากกว่า นอกจากนี้ ระยะเวลาเดินทางที่มากขึ้นจะ ทำให้สตรีมีพฤติกรรมยั้งใช้การคุมกำเนิดมากและมีความล้มเหลวของการคุมกำเนิดมาก และะความ หนาแน่นของสถานบริการน้อยจะทำให้สตรีมีความล้มเหลวของการคุมกำเนิดมาก แต่ผลของพฤติกรรม การเปลี่ยนวิธีคุมกำเนิดกลับตรงกันข้ามกับสมมุติฐานที่ตั้งไว้คือ ยิ่งสตรีใช้ระยะเวลาเดินทางมากจะยิ่งมี การเปลี่ยนวิธีคุมกำเนิดมาก สำหรับคุณภาพของการคุมกำเนิดที่วัดจากจำนวนวิธีคุมกำเนิดที่ให้บริการพบว่าสตรีที่อยู่ในพื้นที่ที่มี จำนวนวิธีคุมกำเนิดให้เลือกน้อยจะมีโอกาสที่จะมีความล้มเหลวมากกว่า ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าสตรีใน โครงการกาญจนบุรียังมีปัญหาเรื่องคุณภาพการคุมกำเนิด ดังนั้นข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของการศึกษานี้ จึงเสนอให้มีการพัฒนาคุณภาพการให้บริการคุมกำเนิด โดยการเพิ่มความหลากหลายของวิธีคุมกำเนิด และ เพิ่มการเข้าถึงบริการในเชิงพื้นที่ เช่น การผนวกงานบริการคุมกำเนิดไปกับรถพยาบาลเคลื่อนที่หรือมีอาสา มาสมัครในชุมชนที่สามารถให้ความรู้เกี่ยวงานวางแผนครอบครัวเพื่อจะได้ลดการยั้งใช้และความล้มเหลว จากการคุมกำเนิด

Mahidol University

Address: NAKHON PATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Pimonpan Isarabhakdi

Role: Thesis Advisor

Created: 2006

Modified: 2553-06-21

Issued: 2010-06-09

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: TH N722a 2006

eng

DegreeName: Doctor of Philosophy

Level: Doctoral Degree

Descipline: Demography

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4436217.pdf	4.42 MB	19	2021-02-23 15:15:28

ใช้เวลา

-0.71889 วินาที