Factors related to the role of public health nurses in promoting breastfeeding practice in the public health centers, Nonthaburi province

ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อบทบาทของพยาบาลสาธารณสุขในการปฏิบัติงานส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ในสถานีอนามัย จังหวัดนนทบุรี

Name: Wanpen Sornsilp

LCSH: Breastfeeding promotion -- Thailand -- Nonthaburi

MeSH: Breast Feeding -- Thailand -- Nonthaburi

MeSH: Public Health Nursing

Abstract: This research studied the factors related to the role of public health nurses in promoting breastfeeding practice in the public health centers, Nonthaburi Province. The sampled population were 76 public health nurses responsible for maternal and child health in the health centers. The data were collected during September to October, 2005 by using a questionnaire regarding personal characteristics, motivation factors, organizational factors, roles, problems and obstacles in promoting breastfeeding practice. The data were analyzed by computing frequency, percentage, means, standard deviation, Chi – square and Pearson’s Product Moment Correlation Coefficient. The results of the study showed that 55.3 percent of the nurses had a “good” level of role in promoting breastfeeding. From the statement item analysis it was found that the activities that were mostly practiced were “The explanation to all pregnant women about the benefits and method of breastfeeding” (98.7%) and “The support to have babies suckle mothers’ milk every time they need” (93.4%) and the activity that was least practiced was “Helping mothers to have their babies suckle their milk within a half hour after delivery” (26.3%). Regarding knowledge, attitudes and motivation to work, moderate levels of these factors were found (59.2%, 61.8%, and 82.9%) respectively while the level of the organizational support was at the “low” level (67.1%). Besides this, it was found that the nurses had too many responsibilities, averaging 7 tasks. The highest number of responsible tasks was 20 which were the obstacles to work and caused fatigue. The factors found to be related to the nurses’ roles in promoting breastfeeding were : the superiors’ support as regards to regular supervision and follow – up (r = 0.291, p – value = 0.011); cooperation of public health volunteers (r = 0.262, p – value = 0.022); receiving self – development (r = 0.323, p – value = 0.006); the relevance of development and organization’s goals; and the ability to apply the development to job performance (r = 0.357, p – value = 0.002). It is suggested that the managers should promote nurses to gain more knowledge and skills regularly, including developing their morale support by using their performance of breastfeeding promotion as one criterion of the reward system. Adequate budget, vehicles, and necessary materials for nurses to perform their jobs efficiently can meet the goals of the National Public Health Development Plan.

Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อบทบาทของพยาบาลสาธารณสุขในการ ปฏิบัติงานส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในสถานีอนามัย จังหวัดนนทบุรี กลุ่มประชากรคือพยาบาลจำนวน 76 คน ที่รับผิดชอบงานอนามัยแม่และเด็กในสถานีอนามัย เก็บรวบรวมข้อมูลระหว่างเดือนกันยายน ถึง ตุลาคม พ.ศ. 2548 โดยใช้แบบสอบถามเกี่ยวกับปัจจัยด้านคุณลักษณะส่วนบุคคล ปัจจัยด้านแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน ปัจจัย ด้านการสนับสนุนจากองค์การ บทบาท ปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ วิเคราะห์ข้อมูลโดย การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ไคสแควร์ สัมประสิทธ์ สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน (Pearson,s Product Moment Correlation Coefficient) ผลการวิจัยพบว่า 55.3%ของพยาบาลมีบทบาทในการปฏิบัติงานอยู่ในระดับดี เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า กิจกรรมที่ปฏิบัติได้มากที่สุดคือ การชี้แจงให้หญิงตั้งครรภ์ทุกคนทราบถึงประโยชน์และวิธีการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ (98.7%) และการสนับสนุนให้ลูกได้ดูดนมแม่ทุกครั้งที่ลูกต้องการ (93.4%) ส่วนกิจกรรมที่ปฏิบัติได้น้อยที่สุดคือ การช่วยให้แม่เริ่มให้ลูกดูดนมภายในครึ่งชั่วโมงแรกหลังคลอด (26.3%) สำหรับในด้านความรู้ ทัศนคติและ แรงจูงใจในการปฏิบัติงานอยู่ในระดับปานกลาง (59.2%, 61.8%, 82.9%) และได้รับการสนับสนุนจากองค์การอยู่ ในระดับต่ำ (67.1%) นอกจากนั้นยังพบว่าพยาบาลมีภาระงานมากโดยเฉลี่ยคือ 7 งาน ภาระงานที่สูงที่สุดคือ 20 งาน ซึ่งเป็นอุปสรรคและทำให้เกิดความเหนื่อยล้าต่อการปฏิบัติงาน ส่วนปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อบทบาทของ พยาบาลในการปฏิบัติงาน ได้แก่ การสนับสนุนจากผู้บังคับบัญชาในด้านการนิเทศติดตามอย่างสม่ำเสมอ (r = 0.291, p- value = 0.011) ความร่วมมือของอาสาสมัครสาธารณสุขในการปฏิบัติงาน (r = 0.262, p-value = 0.022) ความพอเพียงของยานพาหนะ (r = 0.243, p – value = 0.035) การได้รับหนังสือส่งตัวหญิงหลังคลอด ( r = 0.342, p-value = 0.002) การได้รับการพัฒนาตนเอง (r = 0.323, p-value = 0.006) ความสอดคล้องของการพัฒนากับ เป้าหมายขององค์การ (r = 0.262, p-value = 0.026) และการสามารถนำการพัฒนาไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงาน ( r = 0.357, p-value = 0.002) ข้อเสนอแนะ ผู้บริหารควรมีการส่งเสริมความรู้และทักษะให้กับพยาบาลอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งสร้างขวัญ กำลังใจในการทำงานโดยนำผลการปฏิบัติงานส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มาเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาความ ดีความชอบ ควรมีการจัดสรรงบประมาณ ยานพาหนะ รวมทั้งวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นในการปฏิบัติงาน เพื่อให้ พยาบาลสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ บรรลุเป้าหมายของแผนพัฒนาสาธารณสุขแห่งชาติ

Mahidol University

Address: NAKHON PATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Weena Thiangtham

Role: Thesis Advisors

Created: 2007

Modified: 2553-06-19

Issued: 2010-06-09

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: TH W249f 2007

eng

Spatial: Nonthaburi

DegreeName: Master of Science

Level: Master's Degree

Descipline: Public Health Nursing

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4636797.pdf	938.54 KB	175	2023-02-22 21:25:14

ใช้เวลา

0.282958 วินาที