Relation between oral contraceptive use and breast cancer in women

ความสัมพันธ์ระหว่างยาเม็ดคุมกำเนิดกับมะเร็งเต้านมในสตรี

Name: Wanvipa Umpan

MeSH: Breast Neoplasms

MeSH: Contraception

MeSH: Contraceptives, Oral

MeSH: Women

Abstract: The main objective of the study was to determine the relationship between oral contraceptive use and breast cancer in women. The study was conducted between 1 July and 31 December 2000, and data were obtained from female patients who registered to Siriraj Hospital, Ramathibodi Hospital, and Rajvithi Hospital. This study of 250 patients with historically confirmed carcinoma of the breast and 355 patients of control obtained from the same hospital. The questionnaires were used to collect data by interviewing patients. Data collection was also conducted by reviewing medical records. Using a statistical and epidemiological test, the two groups were compared results showed no association between ethnicity, place of birth, place of residence, subject’s income, education level, occupation, current marital status, and oral contraceptive use and breast cancer, history of irregular menstruation menopause, hormone treatment after menopause, duration of use of oral contraceptive, age first pregnancy, and total number of children. There are the same indications of association with lack of knowledge on breast cancer, (OR = 4.67, 29, 95%CI =1.31-16.73), early menarche (OR= 4.41,95%CI =1.27-15.32), age when first married at more than 25 years (OR = 9.45, 95%CI =1.38-37.55), family history of breast cancer (OR =10.84, 29, 95%CI =1.53- 76.56), and history of benign breast disease (OR =68.09, 95%CI =14.10-328.70). Women with associated factors had higher risk associated factors, and the most effective is the history benign breast disease.

Abstract: วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างยาเม็ดคุมกำ เนิดและมะเร็งเต้านมในสตรี การศึกษาทำ ในหญิง เป็นมะเร็งเต้านมซึ่งได้รับ การวินิจฉัยทางพยาธิวิทยาแล้วจำ นวน 250 รายจาก โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลรามาธิบดี และ โรงพยาบาลราชวิถี และกลุ่มหญิงเปรียบเทียบจาก โรงพยาบาลดังกล่าว โดยการสัมภาษณ์ และเก็บข้อมูลจากแบบบันทึกประวัติผู้ป่วยในเวชระเบียน ผลการศึกษาโดยวิธีการทางสถิติ และการคำ นวณทางระบาดวิทยาโดยที่กลุ่มทั้งสองนี้คล้ายคลึงกัน ในด้านเชื้อชาติ สถานที่เกิด บริเวณที่อยู่อาศัย ระดับรายได้ ระดับการศึกษา อาชีพ และสถานภาพ สมรส พบว่า ไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างการเกิดโรคมะเร็งเต้านมกับการ ประวัติการมีประจำ เดือน ไม่สมํ่าเสมอ การหมดประจำ เดือน ใช้ยาเม็ดคุมกำ เนิด การใช้ฮอร์โมนรักษาหลังหมดประจำ เดือน ระยะเวลาของการใช้ยาเม็ดคุมกำ เนิด อายุเมื่อมีบุตรครั้งแรก และจำ นวนบุตร จากการศึกษาครั้งนี้ ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งเต้านมคือ การไม่มีความรู้ในการตรวจเต้านมด้วยตนเอง และการไม่เคยตรวจเต้านมด้วยตนเอง (OR = 4.67, 29, 95% CI =1.31-16.73) การมีประจำ เดือนครั้ง แรกเมื่ออายุน้อยกว่า 12 ปี (OR= 4.41, 95% CI =1.27-15.32) อายุเมื่อแต่งงานครั้งแรก (OR = 9.45, 95% CI =1.38-37.55) ประวัติครอบครัวป็นมะเร็งเต้านม(OR =10.84, 95%CI =1.53-76.56) และ ประวัติการเป็นเนื้องอกธรรมดาของเต้านม (OR= 68.09, 95% CI = 14.10-328.71) หญิงที่มีปัจจัยที่ มีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งเต้านม ตามผลการศึกษา ข้างต้น มีโอกาสในการเกิดมะเร็งเต้านม ได้มากกว่าหญิงที่ไม่มีปัจจัยดังกล่าว และในจำ นวนปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งเต้านม พบว่า ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์มากที่สุด ได้แก่ ประวัติการเป็นเนื้องอกของเต้านม

Mahidol University

Address: NAKHON PATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Kamol Udol

Role: Thesis Advisors

Created: 2004

Modified: 2553-03-31

Issued: 2010-03-30

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

ISBN: 9740457851

CallNumber: TH W251r 2004

eng

DegreeName: Master of Science

Level: Master's Degree

Descipline: Epidemiology

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4237034.pdf	821.94 KB	105	2021-01-11 14:21:36

ใช้เวลา

0.230525 วินาที