Factors affecting food consumption behavior among sixth-grade students, Bangkok Metropolitan schools

ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมบริโภคอาหารของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร

Name: Chariyar Virunrach

LCSH: Education, Elementary -- Thailand -- Bangkok

LCSH: Food Consumption

LCSH: Students -- Thailand -- Bangkok

Abstract: This cross-sectional survey research was designed to investigate certain factors that affect the food consumption behavior among sixth-grade students in several Bangkok Metropolitan schools. The study applied the ‘Pender Health Promotion Model 1980’ as its conceptual framework. The sampled group in this study consisted of 420 sixth-grade students who were studying in 17 Bangkok Metropolitan schools. The students were selected by using a stratified sampling method. Data, in the form of answers to self-administered questionnaires, were collected from the students who had attended their classes between February 12, 2002 and March 12, 2002. The data were analyzed statistically by using frequency distribution, percentage, means, standard deviation, Pearson̉s Moment Correlation, and Chi-Square. The factors predicting the food consumption behavior were analyzed by Multiway Analysis of Variance and Multiple Classification Analysis. The result of this study showed that the food consumption behavior was correct at a moderate level (81.0%). In the period of 1-7 days of the past week that the students could recall, they consumed snacks at 69.6%, carbonated beverages at 58.1%, and instant noodles at 41.2%. It was found that the cognitive-perceptual factors (such as attitude toward health and vision on health) and modifying factors (such as gender, number of siblings, number of family members, mother’s education level and the student’s daily allowance) were correlated significantly with the food consumption behavior. Cues to action (such as perceptions of influence from friends and media) also affected the food consumption behavior significantly. From Multiple Classification Analysis, it was found that the modifying factors were the best predictor which could predict 10.0 percent of the variation in behavior. Morever, 5.0 percent and 4.0 percent of the variation in food consumption behavior could be predicted by cognitive conceptual factors and cue to action respectively. The results of this study suggest that, as a strategy of health education, the content in school curriculum should be developed to reflect the long-term benefits of healthy food consumption. Schools should assist in the development of the students’ cognitive-perceptual factors that affect their food consumption behavior. Distribution of unhealthy foods should be controlled. A group of friends with proper food consumption behavior should be formed in order to serve as a model for others.

Abstract: การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำ รวจภาคตัดขวาง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อพฤติ กรรมบริโภคอาหารของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครโดยประยุกต์ รูปแบบ การส่งเสริมสุขภาพของเพนเดอร์ปี 1980 เป็นกรอบแนวคิดในการวิจัย กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนประถม ศึกษาปที ี่ 6 โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครจำ นวน 420 คน ของ 17 โรงรียน ใชก้ ารสุม่ แบบชนั้ ภูมิ เก็บขอ้ มูล โดยใช้แบบสอบถามให้นักเรียนตอบในห้องเรียน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่า เฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติสหสัมพันธ์แบบเพียร์สันและไค-สแควร์ วิเคราะห์ปัจจัยที่ทำ นายพฤติ กรรมบริโภคอาหารโดยใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนหลายทางกับการวิเคราะห์จำ แนกพหุ ผลการวิจัยพบว่ากลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมบริโภคอาหารถูกต้องในระดับปานกลางร้อยละ 81.0ใน 7 วันที่ผ่านมาอาหารที่กลุ่มตัวอย่างบริโภคอาหารเป็นเวลา4-7วันได้แก่ ขนมกรุบกรอบร้อยละ69.6 ดื่มนํ้าอัดลมร้อยละ58.1บริโภคบะหมี่กึ่งสำ เร็จรูปร้อยละ 41.2 และพบว่าปัจจัยด้านความรู้-การรับรู้ได้แก่ เจตคติต่อสุขภาพ วิสัยทัศน์ต่อสุขภาพมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมบริโภคอาหารอย่างมีนัยสำ คัญทาง สถิติ ปัจจัยร่วมได้แก่ เพศ จำ นวนพี่น้อง จำ นวนสมาชิกในบ้าน การศึกษาของมารดา จำ นวนเงินที่ได้รับ ไปโรงเรียนต่อวันมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมบริโภคอาหารอย่างมีนัยสำ คัญทางสถิติ ตัวชี้แนะการ กระทำ ได้แก่ การรับรู้อิทธิพลเพื่อน การรับรู้อิทธิพลสื่อมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมบริโภคอาหารอย่างมี นัยสำ คัญทางสถิติ เมื่อวิเคราะห์จำ แนกพหุพบว่าปัจจัยร่วมสามารถทำ นายความสัมพันธ์กับพฤติกรรม บริโภคอาหารอย่างมีนัยสำ คัญทางสถิติได้สูงสุด ร้อยละ 10 ปัจจัยด้านความรู้-การรับรู้และตัวชี้แนะการ กระทำ สามารถทำ นายพฤติกรรมการบริโภคอาหารได้ร้อยละ 5 และ ร้อยละ 4 อย่างมีนัยสำ คัญทางสถิติ ดังนั้นกลยุทธ์ทางสุขศึกษาจึงควรเน้นการพัฒนาหลักสูตรเนื้อหาที่ให้เด็กมองถึงประโยชน์ใน ระยะยาว ควรมีนโยบายโรงเรียนสรา้งเสริมสุขภาพเพอื่ สนับสนุนปจั จัยดา้นความรู้-การรับรู้ทเี่รมิ่ พัฒนาและ ส่งผลต่อพฤติกรรมบริโภคอาหาร มีนโยบายควบคุมอาหารที่ไม่สร้างเสริมสุขภาพ เน้นการสร้างกลุ่ม เพื่อนเป็นตัวอย่างด้านพฤติกรรมสุขภาพ

Mahidol University

Address: NAKHON PATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Supreya Tansakul

Role: Thesis Advisors

Created: 2004

Modified: 2553-06-07

Issued: 2010-02-12

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

ISBN: 9740450113

CallNumber: TH C473f 2004

eng

DegreeName: Master of Science

Level: Master's Degree

Descipline: Health Education and Behavioral Sciences

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4337165.pdf	1.05 MB	260	2022-10-19 18:13:53

ใช้เวลา

0.250953 วินาที