The effect of a supportive-educative nursing program on knowledge, perceived self-efficacy, and strain from worry of caregiving among caregivers of patients with stroke

ผลของโปรแกรมการสนับสนุนและให้ความรู้แก่ญาติผู้ดูแลต่อความรู้การรับรู้ความสามารถและความเครียดจากความวิตกกังวลในการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง

Name: Bussarin Rattanasit

MeSH: Caregivers

MeSH: Cerebrovascular Accident

MeSH: Self Efficacy

LCSH: Strain and stresses

LCSH: Worry

Abstract: Patients with stroke have self-care deficits and self-care demands. Thus, the family has to take responsibility as a dependent care agency of the patients with stroke when they return home, which requires knowledge of caregiving and self-efficacy. This quasi-experimental research aimed to examine the effect of a supportiveeducative nursing program on the knowledge, perceived self-efficacy, and strain from worry of caregiving among caregivers of patients with stroke. Orem’s self-care theory, Bandura’s self-efficacy concept, and relaxation concepts were used as the conceptual basis for the intervention. Purposive sampling was used to recruit a sample of 50 family caregivers: 25 in the comparison group and 25 in the experimental group, who were giving care to patients after a first episode of stroke. All stroke victims were admitted to the Prasat Neurological Institute during April to July 2003. The experimental group received a supportive-educative nursing program four times within eight days, including role adaptation of caregivers and knowledge of caregiving. Data were collected before and after the intervention using the Demographic Characteristics Questionnaire, Knowledge Test, Perceived Self-efficacy Scale and the Strain from Worry Questionnaire. Statistical analysis was performed using descriptive statistics, Student’s t-test and Pair-sample t-test. Results revealed that after the intervention, the mean scores for knowledge and perceived self-efficacy in the experimental group were significantly higher than those in the comparison group, and higher than those before the intervention (t = 5.64, 5.07, p-value < 0.001 respectively). While the mean score of strain from worry was significantly lower than that of the comparison group, and that before the intervention (t = 2.62, 9.11, p-value = 0.011 and < .001, respectively). The research findings indicate this supportive-educative nursing program should be used to improve discharge plans and to prepare family caregivers for continual home care for patients with stroke.

Abstract: ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองมีข้อจำกัดในการดูแลตนเอง ญาติผู้ดูแลซึ่งเป็นผู้ที่ต้องทำหน้าที่ ทดแทน จึงจำเป็นต้องมีความรู้ความสามารถที่จะกระทำพฤติกรรมดูแลสุขภาพแทนผู้ป่วยได้เมื่อผู้ป่วย กลับไปอยู่บ้าน การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยกึ่งทดลองเพื่อศึกษาผลของการสนับสนุนและให้ความรู้แก่ญาติผู้ดูแล โดยประยุกต์ทฤษฎีการดูแลตนเองของโอเร็ม (Orem) และทฤษฎีความสามารถแห่งตนของแบนดูร่า (Bandura) ต่อความรู้ การรับรู้ความสามารถ และความเครียดจากความวิตกกังวลในการดูแลผู้ป่วยโรค หลอดเลือดสมอง กลุ่มตัวอย่างเป็นญาติผู้ดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่ป่วยครั้งแรกและเข้ารับการ รักษาที่สถาบันประสาทวิทยา กรุงเทพฯ ระหว่างเดือนเมษายน-กรกฎาคม 2546 เลือกกลุ่มตัวอย่างตาม คุณสมบัติที่กำหนด 50 ราย แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง และกลุ่มเปรียบเทียบกลุ่มละ 25 ราย กลุ่มทดลองได้รับ การสนับสนุนและให้ความรู้จำนวน 4 ครั้ง ภายในเวลา 8 วัน ด้วยการผ่อนคลายความเครียดด้วยการฝึก หายใจก่อนให้ความรู้ สนับสนุนญาติผู้ดูแลในการปรับบทบาทการเป็นผู้ดูแล การให้ความรู้เกี่ยวกับการ ดูแลผู้ป่วยด้านการฟื้นฟูสภาพและป้องกันภาวะแทรกซ้อน, โภชนาการและการให้ยา โดยการประยุกต์วิธี การเพิ่มการรับรู้ความสามารถตนเองและเก็บรวบรวมข้อมูลก่อน-หลังการทดลองด้วยแบบบันทึกข้อมูล ส่วนบุคคล, แบบสอบถามความรู้ในการดูแล, การรับรู้ความสามารถ และแบบวัดความเครียดจากความวิตก กังวล วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน t-test และ Paired samples t-test ผลการวิจัยพบว่า ญาติผู้ดูแลกลุ่มทดลองมีความรู้ในการดูแลผู้ป่วยและการรับรู้ความสามารถ ตนเองสูงกว่าก่อนการทดลองและสูงกว่ากลุ่มเปรียบเทียบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t = 5.64, 5.07, p-value < 0.001) และพบว่าความเครียดของญาติผู้ดูแลกลุ่มทดลองลดลงกว่าก่อนการทดลอง (t = 9.11, p-value < 0.001) และลดลงกว่ากลุ่มเปรียบเทียบ (t = 2.62, p-value = 0.011) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ผลการวิจัยเสนอแนะว่าโปรแกรมนี้สามารถนำมาใช้ในการเตรียมความพร้อมของญาติผู้ดูแล ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองให้มีความรู้ ความสามารถ พร้อมที่จะดูแลผู้ป่วยที่บ้านได้อย่างต่อเนื่อง

Mahidol University

Address: NAKHON PATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Sunee Lagampan

Role: Thesis Advisors

Created: 2004

Modified: 2553-06-10

Issued: 2010-02-08

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

ISBN: 9740444555

CallNumber: TH B981e 2004

eng

DegreeName: Master of Science

Level: Master's Degree

Descipline: Public Health Nursing

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4437129.pdf	3.45 MB	337	2025-06-08 20:59:34

ใช้เวลา

0.279082 วินาที