The existence of civil society organizations fighting violence against women : a case study of one organization in Northeast of Thailand

การดำรงอยู่ขององค์กรประชาสังคมด้านความรุนแรงต่อผู้หญิง : กรณีศึกษาองค์กรประชาสังคมแห่งหนึ่งในจังหวัดทางภาคอีสาน

Name: Theerasak Prompunjai

LCSH: Women -- Societies and clubs

LCSH: Civil society

LCSH: Feminism

LCSH: Violence in women -- Thailand

Abstract: This study investigated the Mae Ying Esarn Group, a civil society organization in the northeast of Thailand that works to stop violence against women. This work covers the beginning, development, characteristics of the existence, and core factors that influence the existence. This study was conducted through interviews and observations with members of the group, victims of violence, villagers and community leaders. The results of study revealed that the beginning of the Mae Ying Esarn Group was the gathering of villagers aware of the social disadvantages of women who set up the organization in 1983. Development of the organization could be split to 4 phases which were: (1) networking leaders of women community organizations, (2) linking non-governmental organizations, (3) correlating with government offices, and (4) facing a crisis of the organization. The phases reflect the life cycle of a network from setting up to regression. The organization could be characterized as a network of women community leaders, both formal and natural leaders, running activities for solving violence against women in 7 forms: (1) consulting, (2) temporary sheltering, (3) empowerment, (4) advocacy, (5) interfering upon crisis, (6) coordinating for helps, and (7) preventing violence against women. The core factors influencing the existence were leader potentiality, being network of community organizations, adhering housewives as focused groups, supports from non-governmental organizations, and trends of the women’s movement. However, the existence rather depends on external support from nongovernmental organizations from central Thailand, and has problems with management. Accordingly, the organization is able to exist but is not strong. Thus, this study recommends that solving violence against women should use the social capital in a community, such as a community organization network, by building up the consciousness of gender-based violence against women and emphasizing on organization management for equal and continuous learning.

Abstract: การศึกษาครั้งนี้เป็นกรณีศึกษาที่ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ ศึกษาการดำรงอยู่ขององค์กรประชาสังคม ด้านความรุนแรงต่อผู้หญิงแห่งหนึ่งในจังหวัดทางภาคอีสาน มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) การก่อเกิดและ พัฒนาการขององค์กร 2) ลักษณะของการดำรงอยู่ขององค์กร และ 3) ปัจจัยที่กำหนดการดำรงอยู่ขององค์กร กลุ่มเป้าหมายคือ ผู้นำและสมาชิกขององค์กร ผู้หญิงที่เป็นเหยื่อของความรุนแรง ชาวบ้านและผู้นำชุมชน เก็บข้อ มูลโดยวิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก การสังเกตแบบมีส่วนร่วม และการรวบรวมข้อมูลทุติยภูมิ ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มแม่หญิงอีสาน เกิดจากการรวมตัวกันของชาวบ้านในระดับรากหญ้าที่ตระหนัก ถึงปัญหาความด้อยโอกาสทางสังคมของผู้หญิง นำไปสู่การรวมตัวกันตั้งเป็นองค์กรขึ้นในปี 2526 องค์กรมี พัฒนาการตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน แบ่งได้เป็น 4 ช่วง ได้แก่ 1) ช่วงสร้างเครือข่ายผู้นำองค์กรสตรี 2) ช่วงถัก ทอเครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชน 3) ช่วงประสานสัมพันธ์หน่วยงานภาครัฐ และ 4) ช่วงวิกฤตขององค์กร ซึ่งช่วง ของพัฒนาการสะท้อนวงจรชีวิตของเครือข่ายตั้งแต่ระยะก่อตัวจนถึงระยะถดถอย การดำรงอยู่ขององค์กร เป็นลักษณะของเครือข่ายของผู้นำชุมชนสตรี ทั้งผู้นำที่เป็นทางการ และผู้นำตาม ธรรมชาติ มาร่วมกันดำเนินกิจกรรมในการจัดการปัญหาความรุนแรงต่อผู้หญิงใน 7 ลักษณะ ได้แก่ 1) การให้คำ ปรึกษา 2) การให้ที่พักพิงชั่วคราว 3) การส่งเสริมศักยภาพผู้หญิง 4) การสร้างกระแสในวงกว้าง 5) การเข้าแทรก แซงในภาวะวิกฤต 6) การประสานความช่วยเหลือ และ 7) การป้องกันปัญหาความรุนแรงต่อผู้หญิง ซึ่งปัจจัยหลัก ที่เป็นตัวกำหนดการดำรงอยู่ขององค์กร ได้แก่ ศักยภาพของผู้นำ การเป็นเครือข่ายองค์กรชุมชน การยึดกลุ่มแม่ บ้านเป็นเป้าหมายหลัก การสนับสนุนจากองค์กรพัฒนาเอกชน และ กระแสการเคลื่อนไหวด้านสตรี อย่าง ไรก็ตาม แม้ว่าองค์กรจะสามารถดำรงอยู่ได้แต่ก็ไม่เข้มแข็งนัก องค์กรยังต้องพึ่งพาองค์กรพัฒนาเอกชนจากส่วน กลางค่อนข้างมาก อีกทั้งยังมีปัญหาด้านการจัดการภายในองค์กร การศึกษาครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่า การจัดการกับ ปัญหาความรุนแรงต่อผู้หญิง ควรต่อยอดจากทุนทางสังคมที่มีอยู่ในชุมชน เช่น กลุ่มแม่บ้าน เครือข่ายองค์กรชุม ชน โดยการสร้างจิตสำนึกต่อปัญหาความรุนแรงต่อผู้หญิง ที่มีฐานมาจากความเหลื่อมล้ำของ บทบาทความสัมพันธ์หญิงชาย และเน้นการจัดการองค์กรเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันอย่างเท่าเทียมและต่อเนื่อง

Mahidol University

Address: NAKHON PATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Pimpawun Boonmongkon

Role: Thesis Advisors

Created: 2005

Modified: 2020-04-19

Issued: 2009-07-29

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

ISBN: 9740464521

CallNumber: TH T375e 2005

eng

DegreeName: Master of Arts

Level: Master's Degree

Descipline: Medical and Health Social Sciences

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4337099.pdf	1.05 MB	102	2024-06-16 18:32:01

ใช้เวลา

0.277716 วินาที