ความสัมพันธ์ระหว่างปัญหา กับความต้องการในการดำเนินการวิจัยในชั้นเรียนของครูผู้สอน สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดบุรีรัมย์

Relationship between problems and needs for classroom action research of the teachers under the Office of Buriram Provincial Primary Education

Name: ธนิดา ธนะสีรังกูร

ThaSH: การวิจัยทางการศึกษา

Classification :.DDC: 370.78

ThaSH: การศึกษาขั้นประถมศึกษา

ThaSH: การวิจัยในชั้นเรียน

Abstract: การวิจัยครั้งนี้ มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาระดับปัญหา กับ ความต้องการในการดำเนินการวิจัยในชั้นเรียน และความสัมพันธ์ระหว่างปัญหา กับ ความต้องการในการดำเนินการวิจัยในชั้นเรียนของครูผู้สอนสังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดบุรีรัมย์ ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ ครูผู้สอนสังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดบุรีรัมย์ สายงานปฏิบัติการสอน จำนวน 9,162 คน กลุ่มตัวอย่างได้จากการสุ่มตัวอย่างจากประชากร คือ ครูผู้สอนสังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดบุรีรัมย์ ปีการศึกษา 2545 โดยกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างจากตารางสำเร็จรูปของเครจซี่ และมอร์แกน ได้กลุ่มตัวอย่างเป็นครูผู้สอน จำนวน 368 คน แล้วสุ่มตามระดับชั้นอย่างมีสัดส่วน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามมี 3 ลักษณะ คือ แบบสำรวจรายการ แบบมาตราส่วนประมาณค่า และแบบปลายเปิด สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว เมื่อพบความแตกต่างจึงทำการเปรียบเทียบรายคู่ในแต่ละด้านตามวิธีแอลเอสดีของฟีเชอร์ กำหนดค่าสถิติที่ระดับนัยสำคัญ .05 ผลการวิจัย พบว่า 1) ครูผู้สอนมีความคิดเห็นต่อปัญหาในการดำเนินการวิจัยในชั้นเรียนโดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า อยู่ในระดับมาก 3 ด้านโดยเรียงลำดับจากด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงไปต่ำ ดังนี้ ด้านการสนับสนุนการวิจัย ด้านความรู้เกี่ยวกับการวิจัย และด้านการดำเนินการวิจัยในชั้นเรียน ส่วนด้านคุณลักษณะของนักวิจัย อยู่ในระดับปานกลาง 2) ครูผู้สอนมีความคิดเห็นต่อความต้องการในการดำเนินการวิจัยในชั้นเรียน ทั้งโดยรวม และเป็นรายด้าน อยู่ในระดับมาก โดยเรียงลำดับจากด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงไปต่ำดังนี้ ด้านความรู้เกี่ยวกับการวิจัย ด้านการสนับสนุนการวิจัย ด้านการดำเนินการวิจัยในชั้นเรียน และด้านคุณลักษณะของนักวิจัย 3) ปัญหากับความต้องการในการดำเนินการวิจัยในชั้นเรียนของครูผู้สอน โดยภาพรวมมีความสัมพันธ์กันทางบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยมีความสัมพันธ์ในระดับ ปานกลาง และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านปรากฏว่า มีความสัมพันธ์กันทางบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ทุกด้านโดยเรียงลำดับค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์จากมากไปหาน้อยได้ดังนี้ 1) ด้านการดำเนินการวิจัยในชั้นเรียน 2) ด้านความรู้เกี่ยวกับการวิจัย และ 3) ด้านคุณลักษณะของนักวิจัย เท่ากับด้านการสนับสนุนการวิจัย 4) ครูผู้สอนที่มีวุฒิทางการศึกษาต่างกัน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาในการดำเนินการวิจัยในชั้นเรียน โดยรวม มีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน ปรากฏว่า ด้านความรู้เกี่ยวกับการวิจัย ด้านการดำเนินการวิจัยในชั้นเรียน และด้านคุณลักษณะของนักวิจัย มีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ส่วนด้านการสนับสนุนการวิจัย มีความคิดเห็นไม่แตกต่างกัน 5) ครูผู้สอนที่มีวุฒิทางการศึกษาต่างกัน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับความต้องการในการดำเนินการวิจัยในชั้นเรียน โดยรวม มีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน ปรากฏว่า ด้านความรู้เกี่ยวกับการวิจัย และด้านการดำเนินการวิจัยในชั้นเรียน มีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ส่วนด้านคุณลักษณะของนักวิจัย และด้านการสนับสนุนการวิจัย มีความคิดเห็นไม่แตกต่างกัน 6) ครูผู้สอนแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับปัญหาในการดำเนินการวิจัยในชั้นเรียนโดยให้ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเรียงลำดับจากมาไปหาน้อย 5 ลำดับแรก ได้แก่ 1) ขาดงบประมาณสนับสนุน และขาดแหล่งค้นคว้าเพื่อการวิจัยในชั้นเรียน 2) ครูขาดความรู้ความเข้าใจในกระบวนการวิจัยในชั้นเรียน และคิดว่าเป็นเรื่องยากจึงไม่ทำการวิจัย 3) ครูทำวิจัยไม่จริงจัง และไม่นำผลการวิจัยมาใช้ในการแก้ปัญหาการเรียนการสอน แต่ทำวิจัยเพื่อผลงานของตนเอง 4) ครูมีเวลาไม่เพียงพอที่จะทำการวิจัยในชั้นเรียนเนื่องจากมีงานทั้งการสอนประจำและงานพิเศษอื่นๆ มาก และ 5) ขาดการเผยแพร่ผลงานวิจัย 7) ครูผู้สอนแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับความต้องการในการดำเนินการวิจัยในชั้นเรียน เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย 4 ลำดับแรก ได้แก่ 1) ต้องการทำวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนโดยเน้นให้เด็กอ่าน เขียน คล่อง และคิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาได้ 2) งบประมาณสำหรับสนับสนุนงานวิจัยในชั้นเรียน ควรจัดสรรลงมาถึงโรงเรียนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง 3) ควรจัดการอบรมสัมมนาด้านการวิจัยในชั้นเรียนอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม และ 4) ต้องการทำวิจัยในด้านคุณธรรม จริยธรรม ระเบียบวินัย และ พัฒนาการของเด็กทุกๆ ด้าน 8) ผลจากการตอบแบบสอบถามปลายเปิดครูผู้สอนแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะอื่นๆ เกี่ยวกับการดำเนินการวิจัยในชั้นเรียน เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย 5 ลำดับแรก ได้แก่ 1) ให้ขวัญและกำลังใจในการทำวิจัยในชั้นเรียน และงบประมาณสนับสนุน 2) ทางราชการควรจัด การอบรมอย่างต่อเนื่องแก่คณะครูผู้สนใจการวิจัยในชั้นเรียนโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย และมีการติดตามผล 3) ควรจัดนิทรรศการแสดงผลงานการวิจัยในชั้นเรียนของครูเพื่อให้ครูได้เผยแพร่ผลงานการวิจัยของตนเอง และครูผู้สนใจการวิจัยได้เห็นรูปแบบและแนวทางการวิจัยสำหรับนำไปเป็นแบบอย่างหรือประยุกต์ใช้ต่อไป 4) ควรจัดหาที่ปรึกษาหรือผู้ชำนาญการด้านวิจัยในชั้นเรียน และเอกสารความรู้ด้านการวิจัยในชั้นเรียนต่างๆ ให้แก่ครูเพื่อนำไปศึกษาหาความรู้สำหรับทำการวิจัยในชั้นเรียน และ 5) ให้ครูทำงานวิจัยคู่กับการเรียนการสอน และให้เวลาในการทำวิจัยแก่ครูอย่างเต็มที่

Abstract: The purpose of this study was to investigate the levels of problems and needs in conducting classroom action research and to study the relationship between problems and the needs in conducting classroom action research of teachers who were under the supervision of the Buriram Provincial Primary Educational Office. The participants of this study were 9,162 teachers who worked under the supervision of the Buriram Provincial Primary Educational Office. The samples were selected from those participants in 2545 B.E. The size of the samples was identified by using Krejcie and Morgan’s table. Using this procedure, this study included 368 teachers, and the next step was doing stratified random sampling. The researcher employed 3 research instruments : check lists, rating scales, and open-ended questions. The statistics used to analyze the data were percentage, means, standard deviation, Pearson product-moment correlation coefficient, and one-way analysis of variance. If the differences of the means were found, the researcher employed Fisher’s LSD Test to indicate the pairs of variable which demonstrated different means.The level of statistical significance was set at .05. The findings were: 1) Teacher gave opinions on all problems of conducting classroom action research at a Much Level. Considering each of the problems, their levels of opinions were at Much Level on 3 issues: research supporting, research knowledge, and conducting classroom research consecutively, However, the teachers gave opinions on researcher characteristics at the Medium Level. 2) Teachers gave opinions on the total and single needs of conducting classroom action research of the the Much Level on the following 3 consecutive issues from high to low means: research knowledge. Research supporting, conducting classroom action research, and characteristics of researchers. 3) The whole relationship between the problems and the needs to conduct classroom research was medium positive statistically significance at .01. Considering each problem, the researcher found that the relationship was positive statistically significance level at .01. The rank of correlation coefficient from the most to the least were 1) conducting classroom action research, 2) study knowledge, and 3) characteristics of researcher, and study supporting. 4) Teachers who held different educational degrees gave different opinions on all problems in conducting classroom action research. The difference was at the level of statistical significance at .01. Considering each issue, the researcher found that the teachers gave .01 statistically significant different opinions on study knowledge, conducting classroom action research and researcher’s characteristics. For study supporting, the opinions were not different 5) Teachers who held different education degrees gave different opinions on all the needs to conduct classroom action research. The difference was statistically significance at .01. Considering each issue, the researcher found that the teachers gave .01 statistically significance different opinions on study knowledge and on conducting classroom action research. For researcher’s and study supporting, the opinions were not different. 6) Concerning the opinions and suggestions on the problems of conducting classroom action research, the teachers suggested the following top 5 problems. 1) The lack of supporting budgets and lack of resource places for searching. 2) Teachers lacked knowledge and understanding of classroom action research procedures and they perceived it difficult to conduct research so they didn’t do the research. 3) Teachers did not conduct research seriously and did not apply the results of the studies towards solving learning and teaching problems, however they did research to obtain academic promotion. 4) Teachers did not have adequate time to conduct classroom research because they had a lot of teaching duties as well as extra other assignments, and 5) lack of research results distribution. 7) Teachers expressed their following opinions and suggestions about the top 4 needs to conduct classroom action research. 1) Teachers wanted to conduct research for learning and teaching development focusing on students so they would be able to read fluently and write proficiently and be able to think, do, and solve problems. 2) The budgets supporting classroom research should be granted continuously to school. 3) The classroom action research workshops should be continuously and concretely organized. 4) Teachers needed to conduct research on morals, ethics, regulations and on all child development. 8) The top 5 opinions and suggestions on conducting classroom action research retrieved from open-ended questions were the followings. 1) Teachers needed encouragement and supporting budget for conduction classroom action research. 2) The government or persons who may be concerned should organize classroom action research workshops to be offered free of charge for teachers who were interested in continuously and there should be post-supervising. 3) There should be exhibitions of classroom action research to let the teachers present their studies and the teachers who were interested in could observe the formats and learn how to conduct the research. Then they would be able to follow those formats or adjust for their future research. 4) There should be classroom action research consultants or experts available, handouts or classroom research materials available for teachers to study and employ these knowledge in conducting classroom action research. 5) Teachers should be allowed to do action research together with teaching, and should be allowed sufficient time to conduct their study.

มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์. ศูนย์วิทยบริการ

Address: บุรีรัมย์

Name: โกวิท เชื่อมกลาง

Role: ประธานกรรมการ

Name: ประคอง กาญจนการุณ

Role: กรรมการ

Name: สุรชัย ปิยานุกูล

Role: กรรมการ

Created: 2546-02-28

Modified: 2557-07-21

Issued: 2548-08-24

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

ISBN: 9746291126

CallNumber: วพ 370.78 ธ261ค

tha

Spatial: บุรีรัมย์

DegreeName: ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: การบริหารการศึกษา

Grantor: มหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์

©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	medu4602tt_titlepage.pdf	47.15 KB	67	2019-12-06 13:23:36
2	medu4602tt_abstract.pdf	118.4 KB	70	2020-02-29 10:22:45
3	medu4602tt_acknowledgement.pdf	40.11 KB	39	2019-12-06 13:24:22
4	medu4602tt_content.pdf	94.04 KB	35	2019-12-06 13:24:34
5	medu4602tt_chapter1.pdf	160.53 KB	70	2019-12-06 13:24:46
6	medu4602tt_chapter2.pdf	621.48 KB	110	2019-12-06 13:24:57
7	medu4602tt_chapter3.pdf	125.24 KB	58	2019-12-06 13:25:27
8	medu4602tt_chapter4.pdf	344.98 KB	64	2022-02-23 19:20:11
9	medu4602tt_chapter5.pdf	257.02 KB	71	2019-12-06 13:26:20
10	medu4602tt_bibliography.pdf	127.64 KB	52	2019-12-06 13:26:51
11	medu4602tt_appendix.pdf	158.83 KB	53	2020-04-16 11:10:13
12	medu4602tt_biodata.pdf	34.37 KB	35	2019-12-06 13:27:30

ใช้เวลา

-0.924785 วินาที