Title
ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพและป้องกันการกลับเป็นซ้ำของกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ เรื้อรังด้วยบริการการแพทย์แผนไทยในผู้รับบริการกลุ่มวัยทำงาน
Title Alternative
Factors associated to health-promoting behavior and prevention of recurrence of chronic neck and shoulder pain syndrome by Thai traditional medicine services among working age
Description
Abstract:
โรคทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานที่มีช่วงอายุ 15-59 ปี เนื่องจากมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากอิริยาบถในการทำงาน ในการศึกษาข้อมูลในผู้ที่ทำงานในสำนักงานส่วนใหญ่ของเขตกรุงเทพมหานคร จะพบตำแหน่งความชุกของอาการทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ ได้แก่ บริเวณกล้ามเนื้อคอ หลังส่วนล่าง และหลังส่วนบนมาก สอดคล้องกับสถานการณ์ความชุกของโรคที่กลุ่มวัยทำงานมารับบริการในสถานบริการแพทย์แผนไทย คือ โรคลมปลายปัตคาตสัญญาณ 4 หลัง ซึ่งเป็นอาการปวดกล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า ไหล่ ซึ่งหากปล่อยให้มีอาการปวดเรื้อรังดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ในอนาคตจะส่งผลกระทบทั้งต่อตนเอง องค์กร และภาครัฐได้ การศึกษานี้เป็นการศึกษาแบบภาคตัดขวางเชิงวิเคราะห์ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคล ความรู้เรื่องกลุ่มอาการปวด ปัจจัยการรับรู้ และปัจจัยกระตุ้นการปฏิบัติในการป้องกันโรคกับพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพและป้องกันการกลับเป็นซ้ำของกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ เรื้อรัง ด้วยบริการการแพทย์แผนไทยในผู้รับบริการกลุ่มวัยทำงาน ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลของกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 179 คน ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 โดยวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพและป้องกันการกลับเป็นซ้ำของกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ เรื้อรัง ที่ระดับนัยสําคัญทางสถิติ 0.05 ผลการศึกษาพบว่า ผู้รับบริการกลุ่มวัยทำงานส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 53.10 อายุเฉลี่ยเท่ากับ 37.72 ±10.28 ปี ส่วนใหญ่มีอาชีพรับราชการ/รัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 45.30 รองลงมาคืออาชีพพนักงาน/ลูกจ้างเอกชน ร้อยละ 25.70 ท่าทางในชีวิตประจำวันและการทำงานส่วนใหญ่ คือ ท่านั่ง ท่ายืน และท่าเดิน ตามลำดับ โดยมีลักษณะการทำงานส่วนใหญ่ คือ การทำงานในท่าทางแบบเดิมซ้ำ ๆ หรือนานกว่า 1 ชั่วโมง, การก้ม ๆ เงย ๆ บ่อย, และการทำงานที่กล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า ไหล่ อยู่ในภาวะสถิต หรือนิ่งนานเกินกว่า 4 นาที ระดับความรู้เกี่ยวกับกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ เรื้อรัง ส่วนใหญ่อยู่ในระดับสูง ร้อยละ 55 การรับรู้แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ ภาพรวมมีการรับรู้โอกาสเสี่ยง และการรับรู้ประโยชน์ อยู่ในระดับสูง ส่วนการรับรู้ความรุนแรง และการรับรู้อุปสรรค อยู่ระดับปานกลาง มีปัจจัยกระตุ้นการปฏิบัติจากภายในอยู่ในระดับปานกลาง และปัจจัยกระตุ้นการปฏิบัติจากภายนอก อยู่ระดับสูง โดยพบว่าระดับพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพและป้องกันการกลับเป็นซ้ำของกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ เรื้อรัง ส่วนใหญ่อยู่ในระดับสูง ร้อยละ 51.40 และเมื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงพหุในตัวแบบสุดท้าย พบว่า ตัวแปรที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพและป้องกันการกลับเป็นซ้ำของกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ เรื้อรัง ในระดับสูง ได้แก่ ลักษณะงานที่ต้องเอื้อมหยิบของ (AOR: 2.62, 95%CI: 1.37-4.50) และปัจจัยกระตุ้นจากภายนอกให้เกิดการปฏิบัติในการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันการกลับเป็นซ้ำของกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ เรื้อรัง (AOR: 16.14, 95%CI: 1.98-131.40) จากผลการวิจัยมีข้อเสนอแนะว่าการพัฒนาโปรแกรมให้ความรู้และส่งเสริมการปรับพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพร่วมกันของเพื่อนร่วมงานในกลุ่มที่มีลักษณะการทำงานคล้ายคลึงกัน หรือการเพิ่มการตั้งเป้าหมายร่วมกันของแพทย์แผนไทยกับผู้รับบริการ จะช่วยให้ผู้รับบริการมีแนวทางในการปรับพฤติกรรมได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปมากยิ่งขึ้นได้ และลดการกลับมาเป็นซ้ำของกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ เรื้อรังได้
Publisher
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. หอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
Rights
©copyrights มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์