การเพิ่มประสิทธิภาพการเบิก-จ่ายอะไหล่สารอง : กรณีศึกษา บริษัทผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์

Increasing efficiency in the spare parts disbursement processes : a case study in electronic component manufacturing

Name: ณรงค์ฤทธิ์ สนใจธรรม

Organization : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตปราจีนบุรี. คณะเทคโนโลยีและการจัดการอุตสาหกรรม

Email : narongrit.s@itm.kmutnb.ac.th

Name: ภัทรพงษ์ เศรษฐชุ่ม

Organization : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตปราจีนบุรี. คณะเทคโนโลยีและการจัดการอุตสาหกรรม

keyword: การเพิ่มประสิทธิภาพ

ThaSH: ชิ้นส่วนเครื่องจักรกล

; กระบวนการเบิก-จ่ายอะไหล่สำรอง

ThaSH: อะไหล่

; Why-Why Analysis

; ABC Analysis

Abstract: การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการเบิก-จ่ายอะไหล่สำรอง โดยทำการศึกษาข้อมูลขั้นตอนกระบวนการเบิก-จ่ายอะไหล่สำรองในช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน 2566 พบว่าเวลาการเบิก-จ่ายอะไหล่สำรองเฉลี่ยอยู่ที่ 15 นาที/ชิ้น ซึ่งเกินเวลาเป้าหมายที่กาหนดและดาเนินการวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหา โดยการประยุกต์ใช้เทคนิค Why-Why Analysis ซึ่งพบว่าพนักงานไม่เห็นการแจ้งรายการเบิกอะไหล่ที่ต้องการ เนื่องจากระบบการเบิก-จ่ายอะไหล่สำรองไม่มีการแจ้งเตือน และพนักงานใช้เวลาค้นหาอะไหล่สำรองนาน ซึ่งเกิดจากการจัดเก็บอะไหล่ที่ไม่มีรูปแบบ และมีการจัดเก็บอะไหล่โดยไม่คานึงถึงปริมาณที่จัดเก็บ ทำให้ชิ้นอะไหล่สำรองมีการวางทับซ้อนกันยากต่อการค้นหา ดังนั้นผู้ศึกษาจึงได้ดาเนินการปรับปรุงระบบการเบิก-จ่ายอะไหล่สำรอง โดยการเพิ่มระบบการแจ้งเตือนด้วยเสียง และประยุกต์ใช้เทคนิค ABC Analysis ในการจำแนกรายการอะไหล่สำรองออกเป็นกลุ่มตามจานวนครั้งการเบิก-จ่าย และย้ายอะไหล่สารองในกลุ่ม A และ B จัดเก็บในกล่องที่จัดเตรียมสำหรับการจัดเก็บอะไหล่ที่ชั้นจัดเก็บ โดยหลังจากการดาเนินการปรับปรุง พบว่า เวลาในกระบวนการเบิก-จ่ายอะไหล่สารองเฉลี่ยลดลงจากเดิม 15 นาที/ชิ้น เหลือเพียง 11 นาที/ชิ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 26 ซึ่งเวลาการรอคอยอะไหล่ที่ลดลงสามารถเพิ่มมูลค่าในการผลิตได้ประมาณ 120,000 บาท/เดือน

Abstract: This study aims to improve the efficiency of the spare parts procurement processes. By studying the data of the spare parts procurement processes from January to June 2023. It was found that the average time for spare parts procurement was 15 minutes per piece, which exceeded the target time. An analysis was conducted to identify the cause of the problem using the Why-Why Analysis technique. It was found that employees did not receive notifications for requested spare parts due to the lack of alert systems in the spare parts disbursement system. Employees spent a long time searching for spare parts, which resulted from the unstructured storage of parts and storing them without considering the quantity, leading to difficulty in locating overlapping spare parts. Therefore, the researcher proceeded to improve the spare parts procurement system by adding a sound notification system and applying the ABC Analysis technique to categorize spare parts based on the frequency of procurement. Spare parts in groups A and B were then relocated to boxes prepared for storing spare parts at the spare parts storage level. After the improvement process, it was found that the average time for spare parts procurement decreased from 15 minutes per piece to just 11 minutes per piece, representing a 26% reduction. The reduced waiting time for spare parts has the potential to increase production value by approximately 120,000 Baht per month.

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ. สำนักหอสมุดกลาง

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: library@kmutnb.ac.th

Created: 2567

Modified: 2567-11-04

Issued: 2567-11-04

บทความ/Article

application/pdf

BibliograpyCitation : ใน มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. คณะวิศวกรรมศาสตร์. การประชุมวิชาการข่ายงานวิศวกรรมอุตสาหการ ประจำปี 2567 (IE Network 2024) (pp.422-427). อุบลราชธานี : มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, 2567

tha

©copyrights มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	IE Network 2024pp.422-427.pdf	334.39 KB

ใช้เวลา

0.027609 วินาที