การใช้กิจกรรมทางกายเพื่อพัฒนาความสามารถในการเรียนรู้ทางกายสำหรับนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 3

Use of physical activity to develop physical literacy for Prathomsuksa 3 students

Name: สุริยัน สุวรรณ

ThaSH: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ -- วิทยานิพนธ์. ศศ.ด. (พลศึกษา) 2560

Classification :.LCCS: GV361

ThaSH: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. สาขาพลศึกษา -- วิทยานิพนธ์

ThaSH: พลศึกษา -- การศึกษาและการสอน (มัธยมศึกษา)

ThaSH: การออกกำลังกาย

ThaSH: พัฒนาการของเด็ก

Abstract: การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโปรแกรมกิจกรรมทางกายที่สามารถสร้างเสริมความสามารถ ในการเรียนรู้ทางกายของนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบางขุนเทียนศึกษา จำนวน 80 คน โดยการสุ่มตัวอย่างแบบเป็นกลุ่ม (cluster random sampling) เพื่อให้ได้นักเรียน จำนวน 2 ห้อง และใช้วิธิีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (simple random sampling) แบ่งกลุ่มตัวอย่างเป็นกลุ่มทดลอง 40 คน และกลุ่มควบคุม 40 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) โปรแกรมกิจกรรมทางกายสำหรับนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 3 ที่สร้างขึ้นผ่านการตรวจสอบความเที่ยงตรงเฉพาะหน้าจากผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 ท่าน 2) ข้อสอบความรู้ความเข้าใจเรื่องกิจกรรมทางกาย มีค่าความเที่ยงตรงเท่ากับ 0.75 ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.88 3) แบบทดสอบการเคลื่อนที่ข้ามสิ่งกีดขวางมีค่าความเที่ยงตรงเท่ากับ 0.89 ค่าความเชื่อถือได้เท่ากับ 0.80 4) แบบสอบถามวัดแรงจูงใจ มีค่าความเที่ยงตรงเท่ากับ 0.85 ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.81 5) แบบสอบถามวัดความเชื่อมั่นตนเองมีค่าความเที่ยงตรงเท่ากับ 0.95 ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.87 และ 6) ข้อทดสอบสมรรถภาพทางกลไก 5 รายการกลุ่มทดลองได้เข้าร่วมกิจกรรมทางกายตามโปรแกรมเป็นเวลา 8 สัปดาห์ๆ ละ 2 วันๆ ละ 60 นาทีกลุ่มควบคุมเขาเรียนวิชาพลศึกษาตามปกติมีการทดสอบความรู้ ความเข้าใจเรื่องกิจกรรมทางกาย ความสามารถในการเคลื่อนที่ข้ามสิ่งกีดขวางแรงจูงใจและความเชื่อมั่นตนเอง และสมรรถภาพทางกลไกก่อนและหลังการฝึก 8 สัปดาห์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ dependent t-test และ independent t-test ผลการศึกษา พบว่าหลังการฝึก 8 สัปดาห์คะแนนความรู้ความเข้าใจเรื่องกิจกรรมทางกายการเคลื่อนที่ข้ามสิ่งกีดขวางแรงจูงใจและความเชื่อมั่นตนเองของกลุ่มทดลองเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนกลุ่มควบคุมมีเพียงแรงจูงใจและความเชื่อมั่นตนเองมีค่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 สำหรับสมรรถภาพทางกลไก ด้านความเร็วความคล่องแคล่วว่องไว และความอ่อนตัวของกลุ่มทดลอง หลังการฝึกดีกว่าก่อนการฝึกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนกลุ่มควบคุมไม่แตกต่างกันกลุ่มทดลอง มีคะแนนความรู้ความเข้าใจเรื่องกิจกรรมทางกายการเคลื่อนที่ข้ามสิ่งกีดขวางแรงจูงใจและความเชื่อมั่นตนเองเพิ่มขึ้นมากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และสมรรถภาพทางกลไก ด้านความเร็วและ ความคล่องแคล่วว่องไวลดลงมากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 สรุปได้ว่าโปรแกรมกิจกรรมทางกายที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นสามารถพัฒนาความรู้ความเข้าใจเรื่องกิจกรรมทางกายการเคลื่อนที่ข้าม สิ่งกีดขวางแรงจูงใจความเชื่อมั่นตนเอง สมรรถภาพทางกลไกด้านความเร็วและความคล่องแคล่วว่องไวได้ The objective of this study was to develop physical activity program to develop physical literacy for Prathomsuksa 3 students. Subjects were 80 Prathomsuksa 3 students of Bangkhuntien school. They were randomly assigned into two groups, 40 students for control group, and 40 students for an experimental group. Research instruments used were: 1) physical activity program that was developed by the researcher, and was judged for face validity by 5 experts; 2) knowledge test with 0.75 of IOC for content validity, and 0.88 for reliability coefficient; 3) obstacle course test has 0.89 of IOC for content validity, and 0.80 for reliability coefficient; 4) motivation questionnaire with 0.85 of IOC for content validity, and 0.81 for reliability coefficient, and 5) self-confidence questionnaire with 0.95 of IOC for content validity, and .87 for reliability coefficient; 6) Five items of motor fitness test. Experimental group participated in physical activity program for 60 minutes per day, two days a week for 8 weeks. While control group participated in regular physical education class. The assessments of knowledge test, obstacle course test, motivation, and self-confidence questionnaires, and motor fitness test were made at the beginning and after 8 weeks of training. Data were analyzed by using dependent t-test, and independent t-test. The results were as follows: after 8 weeks of training, knowledge, obstacle course, motivation, and self-confident scores of the experimental group increased significantly at the .05 level. Only motivation, and self-confident scores of the control group increased significantly at the .05 level. Motor fitness of speed, agility, and flexibility of an experimental group were better than those of pre-test scores at the .05 level but there were no significant differences between pretest and posttest scores. The experimental group increased significantly on knowledge, obstacle course, motivation, and self-confident scores than those of the control group at the .05 level. For motor fitness, speed and agility of the experimental group decreased significantly than those of the control group at the .05 level. It can be concluded that physical activity program that developed by the researcher could improve knowledge, obstacle course, motivation, and self-confident scores, and speed and agility of motor fitness.

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. สำนักหอสมุด

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: tdckulib@ku.ac.th

Name: กรรวี บุญชัย

Role: อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์หลัก

Name: เจริญ กระบวนรัตน์

Role: อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม

Created: 2560

Modified: 2566-05-15

Issued: 2566-05-15

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

URL: https://kasetsart.idm.oclc.org/login?url=https://www.lib.ku.ac.th/KUthesis/2560/suriyan-suw-all.pdf

CallNumber: GV361.ส475

tha

DegreeName: ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิต

Level: ปริญญาเอก

Descipline: พลศึกษา

Grantor: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

©copyrights มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	suriyan-suw-all.pdf	3 MB	12	2025-06-25 14:05:30

ใช้เวลา

0.020693 วินาที