ประสิทธิผลของโปรแกรมส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดของผู้ดูแล
The effectiveness of program for promoting caring behaviors among caregivers of cancer patients receiving chemotherapy
Abstract:
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi-experimental research) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดของผู้ดูแล ที่ผู้วิจัยประยุกต์ใช้แนวคิดการรับรู้ความสามารถของตนเอง ร่วมกับการสนับสนุนทางสังคม ทำการศึกษาในผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดที่มารับบริการที่หน่วยให้ยาเคมีบำบัด ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี อ.องครักษ์ จ.นครนายก โดยมีกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 42 ราย แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง 21 ราย กลุ่มเปรียบเทียบ 21 ราย เก็บข้อมูลก่อนและหลังการทดลอง ระยะเวลาในการเก็บข้อมูลในช่วงเดือนตุลาคม 2563 - มกราคม 2564 รวมทั้งสิ้น 16 สัปดาห์ กลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลที่ผู้วิจัยได้พัฒนาขึ้น โดยโปรแกรมประกอบด้วย 1. กิจกรรมเพิ่มการรับรู้ความสามารถของตนเองของผู้ดูแล ประกอบด้วยการให้ความรู้ การฝึกปฏิบัติวิธีการดูแลผู้ป่วย กิจกรรมการดูวีดีโอ 2. กิจกรรม การสนับสนุนทางสังคมโดยพยาบาลหน่วยให้ยาเคมีบำบัด ที่ให้ช่องทางการติดต่อขอคำปรึกษาและคู่มือการดูแลผู้ป่วย หลังจากนั้น มีการโทรติดตามเพื่อทบทวนวิธีการดูแลและเฝ้าระวังอาการหลังจากกลับบ้าน 1 สัปดาห์และ 2 สัปดาห์ สำหรับกลุ่มเปรียบเทียบได้รับคำแนะนำตามปกติ ใช้เวลาดำเนินการทั้งหมด 6 สัปดาห์ การรวบรวมข้อมูลใช้แบบสอบถาม มีการวิเคราะห์ความแตกต่างของคุณลักษณะส่วนบุคคลของผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด กลุ่มทดลองและกลุ่มเปรียบเทียบ ของแต่ละปัจจัยด้วยสถิติ Independent t-test, Pearson Chi-Square, Fishers exact test เปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนพฤติกรรมการดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดของผู้ดูแลกลุ่มทดลอง ก่อนและหลังการทดลอง ด้วยสถิติ Friedman Test เปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนพฤติกรรมการดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดของผู้ดูแลระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มเปรียบเทียบ ก่อนและหลังการทดลองโดยค่า Mean ± SD ในแต่ละกลุ่มวิเคราะห์โดยใช้ pair t-test ค่า mean difference, 95%CI, p-value วิเคราะห์โดยใช้ linear regression (adjusted คะแนนพฤติกรรมก่อนเข้าร่วมโปรแกรม อายุ เพศ และการศึกษา) และ Generalized Estimating Equation: GEE ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างกลุ่มทดลอง มีค่าเฉลี่ยคะแนนพฤติกรรมหลังได้รับโปรแกรม ที่ 2 สัปดาห์และ 4 สัปดาห์ มากกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001) และที่เวลา 2 สัปดาห์หลังเข้าร่วมโปรแกรม เมื่อควบคุมปัจจัยคะแนนพฤติกรรมก่อนเข้าร่วมโปรแกรม อายุ เพศ และการศึกษา พบว่า กลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมมากกว่ากลุ่มเปรียบเทียบ 15.67 คะแนน ซึ่งพบว่า มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (95%CI 13.29-18.05, p<0.001) สำหรับที่เวลา 4 สัปดาห์หลังเข้าร่วมโปรแกรม เมื่อควบคุมปัจจัยคะแนนพฤติกรรมก่อนเข้าร่วมโปรแกรม อายุ เพศ และการศึกษา พบว่า กลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมมากกว่ากลุ่มเปรียบเทียบ 15.06 คะแนน ซึ่งพบว่า มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (95%CI 12.98-17.14, p<0.001) เมื่อวิเคราะห์คะแนนพฤติกรรมโดยรวมพบว่า กลุ่มทดลองมีคะแนนพฤติกรรมมากกว่ากลุ่มเปรียบเทียบ 15.37 คะแนน ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (95%CI 13.53-17.20, p<0.001) จากผลการวิจัยข้างต้น พบว่า โปรแกรมส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดของผู้ดูแล ที่ประยุกต์มาจากแนวคิดการรับรู้ความสามารถของตนเองร่วมกับการสนับสนุนทางสังคม ส่งผลให้ผู้ดูแลผู้ป่วยมีพฤติกรรมการดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น ควรมีการนำโปรแกรมการส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดของผู้ดูแลไปปรับใช้สำหรับผู้ดูแลโดยเฉพาะในการมารับยาเคมีบำบัดครั้งแรกของผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ดูแลมีความรู้ และพฤติกรรมในการช่วยจัดการอาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากยาเคมีบำบัดได้
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. หอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
©copyrights มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์