ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตชุมชนในพื้นที่การปลูกยางพารา จ.สุรินทร์

Factors affecting the change of community life style in rubber plantation area, Surin province

Name: เสาวณิต รัตนรวมการ

Address: 179 หมู่ที่ 15 ซอยสำราญ ถนนศรีพัฒนา ตำบลนอกเมือง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ 32000

keyword: ยางพารา

Classification :.DDC: 633.89

Abstract: รายงานการวิจัย เรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของวิถีชุมชนในพื้นที่การปลูกยางพารา จังหวัดสุรินทร์ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตชุมชนในพื้นที่การปลูกยางพารา จังหวัดสุรินทร์ และเพื่อหาแนวทางในการพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวสวนยางพารา จังหวัดสุรินทร์ การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสัมภาษณ์ ผู้ประกอบอาชีพสวนยางพารา ผลการวิจัยพบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุระหว่าง 36-49 ปี และ จบการศึกษาระดับประถมศึกษา เกษตรกรส่วนใหญ่ มาจากตำบล ปรือ มีสมาชิกในครัวเรือน 4 คน สำหรับรายได้ พบว่าเกษตรกรที่ตอบแบบสัมภาษณ์ที่ปลูกยางพารา ส่วนใหญ่มีรายได้ต่อครัวเรือน น้อยกว่า 25,450 บาท ทำสวนยางถือเป็นอาชีพรอง เกษตรกรมีพื้นที่ปลูกยางพารา 1-8 ไร่ เหตุผลที่เกษตรกรตัดสินใจปลูกยางพาราเพื่อเพิ่มรายได้เนื่องจากราคายางในอดีตสูง เกษตรกรส่วนใหญ่ กู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รับรู้ข้อมูลข่าวสารยางพาราจากเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร เกษตรกรชาวสวนยางพารา ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม (ทำนาและทำสวน) ก่อนจะเปลี่ยนมาปลูกยางพารา และปลูกยาพาราพันธุ์ RRIM 600 เป็นส่วนใหญ่ โดยซื้อต้นกล้าพันธุ์ยางพาราจากร้านค้าที่เพาะพันธุ์ขายทั่วไป เกษตรกรชาวสวนยางพารา ส่วนใหญ่เริ่มกรีดยางเวลา 02.00 น. และกรีดยางเสร็จเวลา 06.00 น. เวลาที่ใช้ในการกรีดยางจนเสร็จ 4 ชั่วโมง เกษตรกรชาวสวนยาง หลังเปลี่ยนจากการทำนามาเป็นการทำสวนยาง ทำให้ชีวิตมีเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม คือมีรายได้ลดลง เนื่องจากราคายางปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว และภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของวิถีชุมชนในพื้นที่การปลูกยางพารา นับตั้งแต่เปลี่ยนจากการทำนามาเป็นการทำสวนยาง คือเกษตรกรมีความเครียดจากการผันผวนของราคายางพาราและราคาปุ๋ยแพง มากที่สุด รองลงมาคือ มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อมือหรือข้อมือจากท่าทางการกรีดที่ซ้ำ ๆ ก้มและเหยียดแขนตลอดเวลา อันดับที่ 3 มีอาการปวดหลัง ปวดขา อันดับที่ 4 มีการดื่มเครื่องดื่มชูกำลังเพื่อเสริมแรง เนื่องจากการกรีดยางต้องใช้กำลังแรงกายในกรีด อันดับที่ 5พักผ่อนไม่เพียงพอ ต้องตื่นกรีดยางในตอนกลางคืนจนถึงเช้ามืด และจะได้พักผ่อนในช่วงกลางวันแทน ทำให้ไม่คุ้นชิน อันดับที่ 6 มีการสัมผัสสารเคมี ยากำจัดวัชพืชในการฉีดฆ่าหญ้า อันดับที่ 7 ตาพร่ามัวจากการที่เพ่งหน้ายางตลอดเวลา และ อากาศไม่บริสุทธิ์ เนื่องจากกลิ่นเหม็นของยางดิบ อับดับที่ 8 คือ เสี่ยงต่อไข้มาเลเรียจากยุงกัด และการสะสมของสารพิษเนื่องจากใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช อันดับที่ 9 จำนวนแรงงานที่มีประสบการณ์การกรีดยางมีน้อย อันดับที่ 10 โดนสัตว์มีพิษต่าง ๆ เช่น ถูกงูกัด แมงป่องต่อย อันดับที่ 11 อุบัติเหตุจากการสัมผัสกรดซัลฟูริคในการหยอดน้ำยางเพื่อให้แข็งตัว อันดับที่ 12 จำนวนชั่วโมงการทำงานที่มากเกินไป อันดับที่ 13 เห็ดที่เกิดแทรกต้นยางรับประทานแล้วทำให้ปวดท้อง อาเจียน และ อันดับที่ 14 เป็นโรคกระเพาะอาหารจากการรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา การที่เกษตรกรชาวสวนยางจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ควรมีแนวทางในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรชาวสวนยาง ดังนี้คือ ควรมีการให้ความรู้เกษตรกรชาวสวนยางเกี่ยวกับการป้องกันอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เช่น ท่าทางในการกรีดยาง การยืน การนั่ง การออกกำลังกาย มากที่สุด รองลงมา อังดับที่ 2 คือ ควรมีการติดตั้งไฟฟ้าและประปาในสวนยางพาราเพื่อให้เกิดความมั่นคงปลอดภัย, ส่งเสริมและให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้ปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยชีวภาพในสวนยางพารา และจัดเวทีให้ผู้มีประสบการณ์ในการใช้ปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยชีวภาพในสวนยางพารา และจัดเวทีให้ผู้มีประสบการณ๋ในการใช้ปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยชีวภาพในสวนยางพารามาเล่าถึงผลการใช้ปุ๋ยและค่าใช้จ่ายเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ปุ๋ยเคมี อันดับที่ 3 ประกอบด้วย การให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการใช้สารเคมีในการกำจัดวัชพืช, ส่งเสริมให้มีการจัดตั้งสหกรณ์ชาวสวนยางพาราโดยการศึกษาดูงานสหกรณ์ที่มีการดำเนินงานแล้วได้ผล และสร้างความเชื่อมั่นในการนำปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยชีวภาพไปใช้ทดแทนปุ๋ยเคมี อันดับที่ 4 ประกอบด้วย ควรมีการแนะนำเกี่ยวกับการปรับปรุงที่อยู่อาศัย และการให้ความรู้เกี่ยวกับการกำจัดยุงลาย อันดับที่ 5 ควรมีการแนะนำเกี่ยวกับการป้องกันและดูแลเมื่อถูกสัตว์มีพิษกัดต่อย อันดับที่ 6 ประกอบด้วย ควรมีการจัดหาแหล่งสงบทางจิตใจและกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายความเครียด, การสร้างส้วมในสวนยางพารา และการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างชาวสวนยางพาราในการจัดตั้งสหกรณ์ อันดับที่ 7 ควรมีการให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ป้องกันอาการพร่ามัว อันดับที่ 8 การให้ความรู้ในการใช้เครื่องดื่มชูกำลัง/คาเฟอีน อันดับที่ 9 การดูแลเบื้องต้นเรื่องโรคกระเพาะอาหาร และ อันดับที่ 10 การให้ความรู้เกี่ยวกับเห็ดพิษ อันตรายที่เกิดขึ้นตามลำดับ

Abstract: The study on factors affecting the change of community life style in rubber plantation area Surin Province, aims to study the factors affecting the change of community life style in rubber plantation area, Surin Province and to find methods to improve the quality of life of rubber planters, Surin Province. This research uses the interview form for surveying and collecting data from the rubber plantation. The results of this research found that mostly farmers are male, age between 36 and 49 years old, Elementary school education. The majority of rubber’s farmers are from Prue District. A member of the household in mostly mostly 4 members. For income, it was found that most of the households earn 600-25,450 baht. The main occupation is rice farmer. Rubber plantation is a secondary occupation. Farmers have rubber plantation area of 1-8 rai. The reason the farmers decided to grow rubber is to increase income due to high rubber prices in the past. They started planting rubber is to increase income due to high rubber prices in the past. They started planting rubber in the year 2550 and they have experienced in rubber plantation between 6-10 years. Farmers mostly Loan from the Bank for Agriculture and Agricultural Cooperatives. Farmers Rubber information are from agricultural extension officers. Most of the rubber farmers are agricultural workers (Farming and gardening) before turning to grow rubber. The RRIM 600 in mostly planted in Surin Province. The farmers buy rubber seedlings from the convenience breeding shop sells in local area. They mostly start tapping latex at 2 : 00 – 6 : 00 AM. The duration time is 4 hours for tapping latex. Changing from rice farmer to rubber planter, Rubber farmers found that Life style has changed. The income is reduced because rubber prices fell rapidly and the global economic was slowdown. replace chemical fertilizer. These three above items (Reasons) are rank No.3 for Rubber Farmers to get better quality of life. Home improvement and get rid of mosquitoes are rank No. 4 for Rubber Farmers to get better quality of life. Rank No. 5, advice on the prevention and caring of poisonous animals. Rank No. 6, providing peaceful mind area, stress-relieving activities and creating a toilet in a rubber plantation are the three reasons needed to improve the better quality of life. Rank No. 7, Rubber Farmers want to know how to us anti-blurry equipment to improve his blurry eyes while tapping latex for many hours. Rank No. 8, acknowledgment for energy drinking and caffeine are also needed for Rubber Farmers to improve the better quality of life. Primary Care for Stomach aches is Rank No.9 to improve the better quality of life for rubber farmers. To educate on poisonous mushrooms in Rank No. 10 in ordering to improve the better quality of life for rubber farmers.

มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ

Address: สุรินทร์

Email: arit@srru.ac.th

Name: งบประมาณแผ่นดิน (วช.) ประจำปีงบประมาณ 2559 มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์

Role: ผู้ให้ทุน

Created: 2559

Modified: 2564-07-09

Issued: 2564-07-09

งานวิจัย/Research report

application/pdf

CallNumber: 633.89 ส267ป

tha

©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	SRRUResearch2564-57.pdf	12.3 MB	13	2023-12-18 14:17:46

ใช้เวลา

0.026348 วินาที