การบริหารงานวิชาการของมหาวิทยาลัยจำปาสัก ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

An Academic Administration of Champasak University of Lao People’ Democratic Republic

Name: หมี พงสีดา

keyword: การบริหารงานวิชาการ

ThaSH: การบริหาร

Classification :.DDC: 378.1 พ386ก

; มหาวิทยาลัยจำปาสัก

ThaSH: การศึกษาขั้นอุดมศึกษา

Abstract: การศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ คือ เพื่อศึกษาสภาพการบริหารงานวิชาการของมหาวิทยาลัย จำปาสัก ประเทศสาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว เพื่อเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นต่อการบริหารงานวิชาการของมหาวิทยาลัยจำปาสัก ตามปัจจัยพื้นฐานที่ต่างกัน เพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางการพัฒนาการบริหารงานวิชาการตามความคิดเห็นของผู้บริหาร ครูอาจารย์ การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ผู้บริหารและครูอาจารย์ จำนวน 132 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามซึ่งได้ค่าความเชื่อมั่น.88 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่า t และค่าการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว ผลการวิจัยพบว่า 1. สภาพการบริหารงานวิชาการของมหาวิทยาลัยจำปาสัก โดยภาพร่วมอยู่ในระดับมากทุกด้าน 2. การเปรียบเทียบสภาพการบริหารงานวิชาการของมหาวิทยาลัยจำปาสัก จำแนกตามเพศ วุฒิการศึกษา ประสบการทำงาน โดยภาพร่วมและรายด้านไม่แตกต่างกัน 3. ปัญหาและแนวทางการพัฒนาการบริหารงานวิชาการตามความคิดเห็นของผู้บริหาร ครูอาจารย์ มหาวิทยาลัยจำปาสัก ด้านหลักสูตรและการนำหลักสูตรไปใช้ ปัญหาที่พบคือ การนำใช้หลักสูตรบางท่านยังไม่เข้าใจที่ควร และการนำใช้หลักสูตรยังไม่สามารถนำใช้ได้หมด แนวทางการพัฒนา ควรประเมินหลักสูตรก่อนนำไปใช้ หลักสูตรต้องสอดคล้องกลับสภาพตัวจริงของสังคมโลกที่ทันสมัย หลักสูตรต้องเน้นวิชาเฉพาะให้มากและควรจัดหลักสูตรเสริมภายในห้องเรียนเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น ด้านการจัดการเรียนการสอน ปัญหาที่พบคือ บางครั้งยังไม่เป็นระบบ และครูอาจารย์ที่สอนบางคนก็ไม่ได้สอนตรงตามที่เรียนจบมา แนวทางการพัฒนา ควรจัดการเรียนการสอนให้หลากหลาย ให้ทันต่อเหตุการณ์ปัจจุบัน ด้านสื่อการเรียนการสอน ปัญหาที่พบคือ ขาดการจัดหาสื่อการเรียนการสอนให้ครูอาจารย์ ไม่มีการฝึกอบรมในการนำใช้สื่อ สื่อไม่ทันสมัยต่อความต้องการและยังไม่เพียงพอ ควรใช้สื่อที่หลากหลาย ทันสมัย เพื่อชักจูงความสนใจของผู้เรียน ด้านการวัดและประเมินผล ปัญหาที่พบคือ ส่วนมากยังไม่มีการวัดและประเมินผลอยู่เป็นประจำ และวิธีการประเมินผลยังไม่ทันได้มาตรฐาน แนวทางการพัฒนา ควรเชิญผู้เชี่ยวชาญมาเป็นกรรมการตรวจเครื่องมือการวัดประเมินผลและมีการอบรมเรื่องการวัดประเมินผลให้เจ้าหน้าที่ครูอาจารย์อย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อปี ด้านการนิเทศภายใน ปัญหาที่พบคือ การจัดนิเทศภายในยังมีไม่มาก แนวทางการพัฒนา ควรจัดอบรมครูอาจารย์เป็นประจำทุกปี เพื่อเพิ่มความรู้และเทคนิคการสอนใหม่ๆเพื่อให้ครูได้ทราบข้อบกพร่อง และ ควรจะมีการจัดการประชุมทางวิชาการเพื่อแลกเปลี่ยนทอดถอนความรู้การทำงานวิชาการ The study aimed to study the states of an academic administration of Champasak University of Lao People’s Democratic Republic, to compare the opinion on an academic administration of Champasak University according to different basic factors and to explore the problems and guidelines for a development of an academic administration as viewed by the administrators and teachers of Champasak University. The samples used in the research were 132 administrators and teachers. The research instrument was a questionnaire with a confidence value equivalent to .88. Statistics used in data analysis were frequency, percentage, mean, standard deviation, t-test and one way variance analysis. The research findings were as follows. 1. The academic administration of Champasak Univesrity was at a high level in all aspects. 2. A comparison of the academic administration as classified by sex, educational qualifications, and working experiences showed no difference. 3. The problems found and the guidelines to deal with the problems were as follows: On a curriculum and its application: there were some who did not have a proper understanding of the curriculum; the solution was the curriculum should be evaluated first before it was introduced; besides, the curriculum had to be in conformity with actual social conditions; supplementary curricular parts should be provided to enhance learners’ potential. On teaching and learning: the problem was the instructional process was not systematic; some teaching staff were not assigned to teach according to their majors; the solution was learning activity should be restricted in a classroom; more budget was needed to produce more learning materials in line with the curriculum. On learning media: there were no teaching media; there was no training as regards how to use the media; the media available were not updated; budget was scarce; and there was no Internet system; the guidelines were the media should be various to draw learners’ attention or motivate them to learn; budget should be allocated to each faculty to procure modern media for a maximum benefit of students. On measurement and evaluation: there was no regular measurement and evaluation and the evaluation method was not standardized; the guideline was there should be additional training by experts to those concerned. On internal supervision: an internal supervision was sufficiently undertaken; there should be annual training for the teaching staff and others concerned for them to have more understanding and experience.

มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ

Address: อุบลราชธานี

Email: info.lib@ubru.ac.th

Name: รองศาสตราจารย์ ดร.จิณณวัตร ปะโคทัง

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Created: 2560

Modified: 2561-10-10

Issued: 2561-09-13

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

tha

Spatial: ไทย

DegreeName: ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: การบริหารการศึกษา

Grantor: มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	Phra Mee Phongseeda.pdf	2.44 MB	58	2025-10-30 10:40:00

ใช้เวลา

0.016986 วินาที