การจัดการสินค้าคงคลังร้านค้าวัสดุก่อสร้าง กรณีศึกษา บริษัท ซุปเปอร์โฮม เทรดดิ้ง จำกัด จังหวัดเชียงราย

Inventory management of construction materials store : a case study of superhome trading company, Chiang Rai province

Name: พิมพ์ชนก เทกัณฑ์

Organization : มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

Name: Pimchanok Thekan

keyword: คลังร้านค้าวัสดุก่อสร้าง

ThaSH: อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง -- ไทย

Classification :.LCCS: HF5485

ThaSH: การจัดการคลังสินค้า

ThaSH: สินค้าคงคลัง

ThaSH: วัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้าง

Abstract: การศึกษาการจัดการสินค้าคงคลังร้านค้าวัสดุก่อสร้าง กรณีศึกษา บริษัท ซุปเปอร์โฮม เทรดดิ้ง จากัด จ.เชียงราย นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการจัดการสินค้าคงคลังของร้านค้าวัสดุก่อสร้าง และเพื่อศึกษาแนวทางการจัดการสินค้าคงคลังของร้านค้าวัสดุก่อสร้าง โดยใช้วิธีการวิเคราะห์แบบเอบีซี (ABC Analysis) วิธีการหาปริมาณการสั่งซื้อแบบประหยัด (Economic Order Quantity : EOQ) และใช้วิธีการวิเคราะห์จุดสั่งซื้อใหม่ (Reorder Point : ROP) จากการสัมภาษณ์และศึกษาข้อมูล พบว่า การจัดการสินค้าคงคลังของบริษัทยังมีข้อบกพร่องและปัญหาเกิดขึ้นอยู่ ประกอบด้วย จานวนครั้งในการสั่งซื้อ ถูกกาหนดจากผู้บริหารเพียงอย่างเดียว ขาดการพิจารณาถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ปริมาณการสั่งซื้อ ถูกกาหนดขึ้นจากประสบการณ์ผู้บริหารเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ใช้หลักการสั่งซื้อตามแนวคิดการหาปริมาณการสั่งซื้อแบบประหยัด (Economic Order Quantity : EOQ) หรือการวิเคราะห์จุดสั่งซื้อใหม่ (Reorder Point : ROP) เลย การตรวจสอบจานวนสินค้าคงเหลือจากระบบคอมพิวเตอร์ของทางบริษัท พบว่าบางครั้งยังไม่มีความแม่นยา จานวนสินค้าคงเหลือตามจริงกับจานวนสินค้าคงเหลือในระบบคอมพิวเตอร์ไม่ตรงกัน อาจทาให้เกิดความผิดพลาดในการสั่งซื้อสินค้าในแต่ละครั้งได้ และในบางครั้งการสั่งซื้อแต่ละครั้ง บริษัทจาเป็นต้องมีการสั่งซื้อสินค้าทีละมากๆ เพื่อทาให้เกิดความประหยัดในเรื่องของราคา จากปัญหาที่เกิดขึ้นผู้ศึกษาได้ใช้วิธีการวิเคราะห์แบบเอบีซี (ABC Analysis) เพื่อแบ่งหมวดหมู่สินค้าให้ง่ายต่อการดูแล ใช้วิธีการหาปริมาณการสั่งซื้อแบบประหยัด (Economic Order Quantity : EOQ) เพื่อหาจุดสั่งซื้อที่ประหยัดที่สุด เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อ และใช้วิธีการวิเคราะห์จุดสั่งซื้อใหม่ (Reorder Point : ROP) ช่วยในการคานวณหาจุดสั่งซื้อใหม่ เพื่อบอกถึงระดับที่ควรมีการสั่งสินค้าเข้ามาเพิ่มเติมสินค้าคงคลังก่อนที่สินค้าจะขาดมือ เมื่อนามาคิดต้นทุนรวมที่เกิดขึ้นทั้งก่อนและหลังการใช้วิธีการสั่งซื้ออย่างประหยัด (Economic Order Quantity : EOQ) ของสินค้า พบว่าต้นทุนรวมที่เกิดขึ้นก่อนการใช้วิธีการสั่งซื้ออย่างประหยัด (Economic Order Quantity : EOQ) มีค่าเท่ากับ 978,584.65 บาท และต้นทุนรวมที่เกิดขึ้นหลังการใช้วิธีการสั่งซื้ออย่างประหยัด (Economic Order Quantity : EOQ) มีค่าเท่ากับ 625,626.79 บาท สามารถประหยัดต้นทุนรวมไปได้ 352,957.79 บาท คิดเป็น 36% โดยกลุ่มสินค้าที่ประหยัดต้นทุนรวมได้มากที่สุด คือ กลุ่มอุปกรณ์ก่อสร้าง ลดได้ 42.27%

Abstract: Inventory Management in Construction Material Retailers: A Case Study of Superhome Trading Company, Chiang Rai Province’s objectives are as followed: 1. To study the inventory management in construction materials retailers; and 2. To study the guideline for inventory management in construction material retailers by the use of ABC Analysis, Economic Order Quantity (EOQ), and Reorder Point (ROP). Through interviews and studies of collected data, the research found that inventory management of the company still possessed errors and problems as followed: Firstly, the number of purchasing was managed by only one manager who was lack of consideration for related expenses. Secondly, the quantity of purchasing was decided solely based on the experience of one manager without the use of Economic Order Quantity (EOQ) and Reorder Point (ROP) analysis. Lastly, the inspection of number of inventory from computers was lack of accuracy. The actual number of inventory and the number of inventory in the computer were not the same. This type of error could potentially result in the failure of purchasing, especially when the company needed to order a great number of merchandise to minimizing the costs. Based on errors and problems mentioned above, the researcher had utilized ABC Analysis to categorize merchandises for easier control of the inventory. In addition, the researcher used Economic Order Quantity (EOQ) to find the most economical point in ordering to save purchasing costs. Lastly the researcher used Reorder Point (ROP) to help calculate and identify the particular level of inventory for reordering prior to the merchandise shortage. After calculating the total costs both before and after by the use of Economic Order Quantity (EOQ), the results are as followed: The research revealed that the total costs that happened before using Economic Order Quantity (EOQ) was 978,584.65 Baht. However, the total cost after using Economic Order Quantity (EOQ) was 625,626.79 Baht. The use of Economic Order Quantity (EOQ) method resulted in the decrease in overall total costs by 352,957.79 Baht or 36 percent. The category of merchandise with the highest cost saving value was Construction Equipments, reduced by 42.27 percent.

มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

Address: เชียงราย

Email: library@mfu.ac.th

Name: แสงจันทร์ กันตะบุตร

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Name: พรวศิน ศิริสวัสดิ์

Role: อาจารย์ที่ปรึกษาร่วม

Created: 2556

Modified: 2020-04-20

Issued: 2559-09-26

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: วพ. HF5485 พ715ก 2556

tha

DegreeName: บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: การจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน

Grantor: มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

©copyrights มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	Pimchanok Thekan.pdf	36.26 MB	183	2025-11-19 19:53:01

ใช้เวลา

0.046104 วินาที