แจ้งเอกสารไม่ครบถ้วน, ไม่ตรงกับชื่อเรื่อง หรือมีข้อผิดพลาดเกี่ยวกับเอกสาร ติดต่อที่นี่ ==>
หากไม่มีอีเมลผู้รับให้กรอก thailis-noc@uni.net.th ติดต่อเจ้าหน้าที่เจ้าของเอกสาร กรณีเอกสารไม่ครบหรือไม่ตรง

The policy debate between poverty reduction and environmental protection in Bhutan : a case study of Shingkhar-Gorgan Road in Lhuntse District
การถกเถียงเชิงนโยบายระหว่างการลดความยากจนและการรักษาสิ่งแวดล้อม : กรณีศึกษาถนนสายชิงคาร์-กอร์กันในอำเภอลุนซี

LCSH: Non-governmental organizations -- Bhutan
LCSH: Environmental policy -- Bhutan
LCSH: Poverty -- Bhutan
LCSH: Political participation -- Bhutan
Abstract: Lhuntse is one of the least developed districts in the eastern part of Bhutan with 43% of population below poverty line. The elected government decided to construct the Shingkhar-Gorgan road which passes through Thrumshingla National Park (TNP) to reduce poverty. However, the country’s existing laws and policies prohibit roads passing through national parks and protected areas. Therefore, NGOs and other concerned stakeholders have raised concerns towards the government’s decision. This thesis examines the competing policy priorities between poverty reduction and environmental protection in Bhutan in which the Shingkhar-Gorgan road is being debated and acted upon by various concerned stakeholders. The information used in the study was collected from two main sources: documentary research; and in-depth focus-group and individual interviews with key informants, including two environmental NGOs, two government stakeholders responsible for environmental protection, a Member of Parliament, and informants from Lhuntse District it includes Jarey, Metsho and Menbi Gups (local leaders) and residents in Gorgan. The study finds that local governance participation in the decision making process is stronger and face lesser challenges compare to the national level due to NGOs’ intervention. In addition, the study finds that poverty in the eastern part of Bhutan is greater compared to the western area of Bhutan. At the same time, the current environmental condition throughout Bhutan is still good, while the case study area had not been under threat until the road project was proposed. The main debate has arisen as the proposed road, promoted for poverty reduction, violates the Forest and Conservation Act 1995 and Environment Protection Act 2007, which prohibit infrastructure construction in Protected Areas to conserve the environment. Stakeholders in support of the road, including the local and national government, and stakeholders opposing the road, in particular the environmental NGOs, after a period of disagreement agreed to compromise on a joint Environmental Impact Assessment. Building on this, the study recommends that these stakeholders at local and national levels should cooperate and discuss with one another to establish measures and strategies that meet both environmental conservation goals and poverty reduction goals as well as promote fair and transparent decision making.
Abstract: ลุนซีเป็นหนึ่งในหัวเมืองที่พัฒนาน้อยที่สุดในภาคตะวันออกของภูฏาน มีประชากร 43% ที่อยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจน รัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้งตัดสินใจที่จะสร้างถนนสายชิงคาร์-กอร์กันที่ผ่านอุทยานแห่งชาติตูมสิงห์ลา (TNP) เพื่อลดระดับความยากจนในขณะเดียวกัน กฎหมายของประเทศและนโยบายที่มีอยู่นั้นห้ามการตัดถนนผ่านอุทยานแห่งชาติและพื้นที่คุ้มครอง ดังนั้น องค์กรพัฒนาเอกชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการตัดสินใจของรัฐบาล งานวิจัยฉบับนี้ศึกษาระดับลำดับความสำคัญของนโยบายลดความยากจนและนโยบายปกป้องสิ่งแวดล้อมในภูฏานซึ่งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้นำมาเป็นข้อพิจารณาและข้อโต้แย้งในการดำเนินโครงการก่อสร้างถนนชิงคาร์-กอร์กัน ข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ถูกรวบรวมจากแหล่งข้อมูลหลักซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ การวิจัยเอกสารและการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แก่ตัวแทนจากองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิ่งแวดล้อม 2 คน ตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบในการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม 2 คน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้ให้ข้อมูลจากอำเภอลุนซี ซึ่งได้แก่ จาลีและเม็ตส์โอครับ (ผู้นำท้องถิ่น) และสมาชิกของชุมชนท้องถิ่นผ่านการสนทนากลุ่มและการสัมภาษณ์รายบุคคล การศึกษาครั้งนี้พบว่าองค์กรพัฒนาเอกชนและตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องมีแนวความคิดที่สอดคล้องกันในการดำเนินโครงการก่อสร้างถนนโดยจำเป็นต้องอาศัยการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ การศึกษาพบว่าการมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจในระดับท้องถิ่นนั้นมีมากกว่าในระดับชาติเนื่องจากมีการแทรกแซงจากองค์กรพัฒนาเอกชน ผลจากการศึกษาชี้ให้เห็นว่าปัญหาความยากจนในภาคตะวันออกของภูฏานมีมากกว่าในภาคตะวันตก และมีหลายอำเภอประสบปัญหาความยากจนที่เลวร้ายยิ่งกว่าอำเภอลุนซี อย่างไรก็ตาม สิ่งแวดล้อมในภูฏานยังคงอยู่ในสภาพที่ดีและพื้นที่กรณีศึกษายังไม่ถูกคุกคามจนกระทั่งมีการเสนอโครงการสร้างถนนดังกล่าว การโต้เถียงได้เกิดขึ้นเนื่องจากโครงการสร้างถนนเพื่อลดความยากจนได้ละเมิดพระราชบัญญัติอนุรักษ์ป่าไม้ปี 2538 และพระราชบัญญัติปกป้องสิ่งแวดล้อมปี 2550 ซึ่งห้ามไม่ให้มีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในบริเวณเขตอนุรักษ์เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ภายหลังจากความไม่ลงรอยกัน ผู้สนับสนุนการก่อสร้างถนน อาทิ รัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น และผู้คัดค้านโดยเฉพาะองค์กรพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมได้ประนีประนอมกันโดยการทำการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมร่มกัน การศึกษาครั้งนี้สรุปได้ว่าองค์กรพัฒนาเอกชนในระดับท้องถิ่นและระดับชาติในภาพรวมนั้นมีแนวโน้มที่จะเลือกวิธีการพัฒนาเพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ งานวิจัยฉบับนี้มีข้อเสนอแนะให้องค์กรพัฒนาเอกชน หน่วยงานภาครัฐและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในระดับท้องถิ่นและระดับชาติควรพิจารณาหารือร่วมกันเพื่อกำหนดมาตรการและกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับเป้าหมายในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการลดปัญหาความยากจนและส่งเสริมการตัดสินใจที่เป็นกลางและโปร่งใสต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด
Abstract: งานวิจัยฉบับนี้ศึกษาระดับลำดับความสำคัญของนโยบายลดความยากจนและนโยบายปกป้องสิ่งแวดล้อมในภูฏานซึ่งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้นำมาเป็นข้อพิจารณาและข้อโต้แย้งในการดำเนินโครงการก่อสร้างถนนชิงคาร์-กอร์กัน ข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ถูกรวบรวมจากแหล่งข้อมูลหลักซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ การวิจัยเอกสารและการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แก่ตัวแทนจากองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิ่งแวดล้อม 2 คน ตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบในการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม 2 คน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้ให้ข้อมูลจากอำเภอลุนซี ซึ่งได้แก่ จาลีและเม็ตส์โอครับ (ผู้นำท้องถิ่น) และสมาชิกของชุมชนท้องถิ่นผ่านการสนทนากลุ่มและการสัมภาษณ์รายบุคคล
Abstract: การศึกษาครั้งนี้พบว่าองค์กรพัฒนาเอกชนและตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องมีแนวความคิดที่สอดคล้องกันในการดำเนินโครงการก่อสร้างถนนโดยจำเป็นต้องอาศัยการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ การศึกษาพบว่าการมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจในระดับท้องถิ่นนั้นมีมากกว่าในระดับชาติเนื่องจากมีการแทรกแซงจากองค์กรพัฒนาเอกชน ผลจากการศึกษาชี้ให้เห็นว่าปัญหาความยากจนในภาคตะวันออกของภูฏานมีมากกว่าในภาคตะวันตก และมีหลายอำเภอประสบปัญหาความยากจนที่เลวร้ายยิ่งกว่าอำเภอลุนซี อย่างไรก็ตาม สิ่งแวดล้อมในภูฏานยังคงอยู่ในสภาพที่ดีและพื้นที่กรณีศึกษายังไม่ถูกคุกคามจนกระทั่งมีการเสนอโครงการสร้างถนนดังกล่าว การโต้เถียงได้เกิดขึ้นเนื่องจากโครงการสร้างถนนเพื่อลดความยากจนได้ละเมิดพระราชบัญญัติอนุรักษ์ป่าไม้ปี 2538 และพระราชบัญญัติปกป้องสิ่งแวดล้อมปี 2550 ซึ่งห้ามไม่ให้มีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในบริเวณเขตอนุรักษ์เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม
Abstract: ภายหลังจากความไม่ลงรอยกัน ผู้สนับสนุนการก่อสร้างถนน อาทิ รัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น และผู้คัดค้านโดยเฉพาะองค์กรพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมได้ประนีประนอมกันโดยการทำการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมร่มกัน การศึกษาครั้งนี้สรุปได้ว่าองค์กรพัฒนาเอกชนในระดับท้องถิ่นและระดับชาติในภาพรวมนั้นมีแนวโน้มที่จะเลือกวิธีการพัฒนาเพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ งานวิจัยฉบับนี้มีข้อเสนอแนะให้องค์กรพัฒนาเอกชน หน่วยงานภาครัฐและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในระดับท้องถิ่นและระดับชาติควรพิจารณาหารือร่วมกันเพื่อกำหนดมาตรการและกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับเป้าหมายในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการลดปัญหาความยากจนและส่งเสริมการตัดสินใจที่เป็นกลางและโปร่งใสต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด
Chulalongkorn University. Office of Academic Resources
Address: BANGKOK
Email: cuir@car.chula.ac.th
Role: advisor
Created: 2012
Modified: 2016-01-05
Issued: 2016-01-05
วิทยานิพนธ์/Thesis
application/pdf
URL: http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/36141
eng
Spatial: Bhutan
Spatial: Lhuntse
DegreeName: Master of Arts
©copyrights Chulalongkorn University
RightsAccess:
ลำดับที่.ชื่อแฟ้มข้อมูล ขนาดแฟ้มข้อมูลจำนวนเข้าถึง วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1 tashi_pe.pdf 2.04 MB24 2021-10-04 09:08:28
ใช้เวลา
0.020213 วินาที

Tashi Penjor
Title Contributor Type
The policy debate between poverty reduction and environmental protection in Bhutan : a case study of Shingkhar-Gorgan Road in Lhuntse District
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Tashi Penjor

Carl Nigel Middleton
วิทยานิพนธ์/Thesis
Prevalence of betel or areca nut (AN) use and its associated factors among Bhutanese population aged 15-69 years old : an analysis of national health data of non-communicable disease (NCD) survey in 2019
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Tashi Penjor
Wattasit Siriwong
วิทยานิพนธ์/Thesis
Carl Nigel Middleton
Title Creator Type and Date Create
The policy debate between poverty reduction and environmental protection in Bhutan : a case study of Shingkhar-Gorgan Road in Lhuntse District
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
;Carl Nigel Middleton
Tashi Penjor
วิทยานิพนธ์/Thesis
Rehabilitation for prisoners under sentence of death in a human rights perspective : a case study of Bangkhwang Central Prison
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
;Vitit Muntarbhorn;Danthong Breen;Carl Nigel Middleton
Sutawan Chanprasert
วิทยานิพนธ์/Thesis
Assessing the contribution of Thailands poultry agribusiness towardsmitigating climate change
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Carl Nigel Middleton
Tita Phairaksa
วิทยานิพนธ์/Thesis
Copyright 2000 - 2025 ThaiLIS Digital Collection Working Group. All rights reserved.
ThaiLIS is Thailand Library Integrated System
สนับสนุนโดย สำนักงานบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
328 ถ.ศรีอยุธยา แขวง ทุ่งพญาไท เขต ราชเทวี กรุงเทพ 10400 โทร. โทร. 02-232-4000
กำลัง ออน์ไลน์
ภายในเครือข่าย ThaiLIS จำนวน 2
ภายนอกเครือข่าย ThaiLIS จำนวน 2,330
รวม 2,332 คน

More info..
นอก ThaiLIS = 67,968 ครั้ง
มหาวิทยาลัยสังกัดทบวงเดิม = 34 ครั้ง
มหาวิทยาลัยราชภัฏ = 10 ครั้ง
สถาบันพระบรมราชชนก = 5 ครั้ง
มหาวิทยาลัยเอกชน = 2 ครั้ง
มหาวิทยาลัยสงฆ์ = 1 ครั้ง
หน่วยงานอื่น = 1 ครั้ง
รวม 68,021 ครั้ง
Database server :
Version 2.5 Last update 1-06-2018
Power By SUSE PHP MySQL IndexData Mambo Bootstrap
มีปัญหาในการใช้งานติดต่อผ่านระบบ UniNetHelp


Server : 8.199.133
Client : Not ThaiLIS Member
From IP : 216.73.216.180