การพิจารณาความดีความชอบในการเลื่อนขั้นเงินเดือนตามเกณฑ์การประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานของข้าราชการครูโรงเรียนมัธยมศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุพรรณบุรี

TEACHERS’ ANNUAL PROMOTIONS ACCORDING TO EVALUATION CRITERIA BASED ON THE EFFICIENCY AND EFFECTIVENESS OF THEIR PERFORMANCE OF DUTY IN SECONDARY SCHOOLS UNDER THE EDUCATIONAL SERVICE AREA OFFICE SUPHAN BURI SERVICE AREA OFFICE SUPHAN BURI SERVICE AREA OFFICE SUPHAN BURI

Name: นำศักดิ์ หอมชื่น

ThaSH: ข้าราชการครู -- การเลื่อนขั้น

Classification :.DDC: 371.12

ThaSH: ครู -- การเลื่อนขั้น

ThaSH: ครู -- การทำงาน -- วิจัย

Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพ และ เกณฑ์ที่นำมาใช้ในการพิจารณาความดีความชอบ เปรียบเทียบสภาพและเกณฑ์ที่นำมาใช้ในการพิจารณาความดีความชอบ รวมทั้งศึกษาปัญหา และแนวทางการแก้ไขปัญหาการพิจารณาความดีความชอบในการเลื่อนขั้นเงินเดือนตามเกณฑ์การประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานของข้าราชการครูตามความคิดเห็นของครู และ ผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุพรรณบุรี กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ศึกษาประกอบด้วยครู และผู้บริหารจากโรงเรียนมัธยมศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุพรรณบุรี จำนวน 302 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามชนิดตรวจสอบรายการ (check list) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ค่าร้อยละ และ ค่าไคกำลังสอง (chi-square test) วิเคราะห์ข้อมูลโดยโปรแกรม SPSS for Windows version 10.0 ผลการวิจัย พบว่า 1. การพิจารณาความดีความชอบตามความคิดเห็นของครู และ ผู้บริหารในภาพรวม สภาพที่มีการดำเนินการมากที่สุด คือ การพิจารณาความดีความชอบที่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเป็นผู้ประเมิน และสภาพที่มีการดำเนินการน้อยที่สุด คือ การพิจารณาความดีความชอบโดยคำนึงถึงระบบอาวุโส 2. เกณฑ์การพิจารณาความดีความชอบตามความคิดเห็นของครู และ ผู้บริหารในภาพรวม พบว่าด้านผลงาน เกณฑ์ที่นำมาใช้มากที่สุด คือ นำปริมาณผลงานของผู้ถูกประเมินมาใช้เปรียบเทียบกับ เป้าหมายของงาน และเกณฑ์ที่นำมาใช้น้อยที่สุดคือ นำเรื่องการประหยัดหรือความคุ้มค่าของการใช้ทรัพยากรในการปฏิบัติงานมาใช้ในการพิจารณาความดีความชอบ ส่วนในด้านคุณลักษณะในการปฏิบัติงานเกณฑ์ที่นำมาใช้มากที่สุดคือ นำคุณลักษณะด้านการปฏิบัติตนให้เป็นไปตามระเบียบแบบแผนของทางราชการมาใช้พิจารณาความดีความชอบ เกณฑ์ที่นำมาใช้น้อยที่สุดคือ คุณลักษณะด้านการมีศิลปะในการจูงใจมาใช้พิจารณาความดีความชอบ 3. เมื่อเปรียบเทียบสภาพการพิจารณาความดีความชอบตามความคิดเห็นของครู กับ ผู้บริหาร พบว่า ในภาพรวมมีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 คือ มีการพิจารณาความดีความชอบที่กระทำกันอย่างเปิดเผย หลังจากการประเมินการพิจารณาความดีความชอบมีการเปิดเผยข้อมูลให้ครูได้ทราบ และ มีการประเมินผลการปฏิบัติงานออกมาเป็นคะแนนที่ชัดเจน 4. เมื่อเปรียบเทียบเกณฑ์การพิจารณาความดีความชอบตามความคิดเห็นของครู กับ ผู้บริหาร พบว่า ในภาพรวมมีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ทุกเกณฑ์ 5. ปัญหาในการพิจารณาความดีความชอบที่พบมากที่สุดในแต่ละด้านและ แนวทางในการ แก้ปัญหามีดังนี้ ปัญหาด้านสภาพในการพิจารณาความดีความชอบ คือ ครูไม่มีส่วนร่วมในการกำหนดวิธีการ หลักเกณฑ์การพิจารณาความดีความชอบ แนวทางแก้ไขปัญหาคือ ให้ครูได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพิจารณาความดีความชอบให้มากที่สุด ส่วนปัญหาด้านเกณฑ์การพิจารณาความดีความชอบ คือ ครูขาดการเก็บผลงานที่เป็นหลักฐาน มีแนวทางแก้ไขคือ ครูจัดเก็บผลงานให้เป็นระบบ เป็นรูปธรรมสามารถตรวจสอบได้ The purposes of this research were to study and compare the state of teachers’ annual promotions and the criteria applied to this, and to study the problems and solutions of promotion implementation, based on the efficiency and effectiveness of their performance of duty according to the opinions of the teachers and administrators in secondary schools under the Educational Service Area Office Supan Buri The samples being studied were 302 teachers and administrators in secondary schools under the Educational Service Area Office Suphan Buri. Checklist questionnaires were used to collect the data which were then analyzed in terms of percentage and chi-square test through the SPSS for Windows version 10.0 . The findings were as follows : 1. As a whole, the practice used most for deciding upon the teachers’ annual promotions was the appointing of a committee to evaluate the efficiency and effectiveness of teachers’ performance of duty, and the practice used least was the attributing of the seniority rule. 2. As a whole , for the task output aspect, the criteria used most for teachers’ annual promotions were the attributing of task output as compared with task goals; and the criteria used least were the attributing of the economical and worthwhile use of educational resources. For the working feature aspect, the criteria used most for teachers’ annual promotions were the attributing of how well they performed their duty by the book, and the criteria used least were the attributing of the art of motivating others. 3. As a whole, the comparison of the teachers’ and the administrators’ opinions towards the state of teachers’ annual promotions showed a statistically significant relationship, at the 0.01 level. When considered separately, their opinions towards the following three aspects showed a statistically significant relationship, at the 0.01 level: (1) The teachers’ annual promotions were done openly. (2) The feedback on teachers’ performance of duty was given to them after the evaluation for the promotions was completed. (3) The evaluation for promotions was structured in terms of clear-cut scores. 4. As a whole, the comparison of the teachers’ and administrators’ opinions towards the promotion criteria showed a statistically significant relationship, at the 0.01 level. When considered separately, all the aspects of their opinions towards the promotion criteria showed a statistically significant relationship, at the 0.01 level. 5. The major problems and solutions of the teachers’ annual promotions were as follows : For the “state” aspect, teachers were not allowed to participate in structuring the criteria; to solve this, they should have an opportunity to take part in this. For the “criteria” aspect, teachers had not made a compilation of materials showing evidence of working outcomes; to solve this, they should be required to present their materials in a systematic way which may be easily assessed.

มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ

Address: กาญจนบุรี

Email: tdc@kru.ac.th

Name: วิไลวรรณ สันถวะโกมล

Role: ประธานกรรมการที่ปรึกษา

Name: พงษ์ศักดิ์ รวมชมรัตน์

Role: กรรมการที่ปรึกษา

Name: สมชาย วงศ์สวัสดิสกุล

Role: กรรมการที่ปรึกษา

Created: 2548-09-27

Issued: 2547

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

ISBN: 9747540789

CallNumber: 371.12 น534ก

tha

DegreeName: ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: การบริหารการศึกษา

Grantor: มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี

©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	abstract_eng.pdf	52.88 KB	1161	2025-10-22 00:40:23
2	abstract_tha.pdf	57.45 KB	1042	2025-06-06 01:29:31
3	appendix.pdf	94.95 KB	919	2025-09-09 20:15:05
4	bibliography.pdf	66.88 KB	839	2025-09-09 20:15:54
5	ch1.pdf	271.73 KB	1927	2025-10-18 21:10:42
6	ch4.pdf	227.03 KB	896	2025-06-06 01:30:31
7	ch5.pdf	146.92 KB	863	2025-06-06 01:30:46
8	contents1.pdf	72.76 KB	839	2025-07-27 00:55:31
9	contents2.pdf	57.58 KB	1710	2025-10-22 00:40:44
10	cover.pdf	207.97 KB	900	2025-06-06 01:31:28
11	list.pdf	46.54 KB	669	2025-06-06 01:31:42
12	pre.pdf	47.43 KB	667	2025-06-06 01:31:58
13	qt.pdf	156.79 KB	949	2025-09-09 20:15:29
14	school.pdf	63.85 KB	617	2025-10-22 00:40:34

ใช้เวลา

0.079565 วินาที