Abstract:
การศึกษาความเป็นไปได้ทางด้านการเงิน ของการลงทุนจัดตั้งโรงงงานผลิตแมกนีเซียในประเทศไทย เป็นการศึกษาความเป็นไปได้ทางการเงิน โดยขอบเขตของการศึกษาเป็นการศึกษาถึงการผลิตแมกนีเซียสำหรับอุตสาหกรรมวัสดุทนไฟ ในประเทศไทย โดยเก็บรวบรวมข้อมูลทุติยภูมิ จากผู้ประกอบการผลิตแมกนีเซียที่มีเทคโนโลยีในการผลิตลักษณะเดียวกันหนังสือ เอกสารรายงานและข้อมูลสถิติจากแหล่งต่าง ๆ ทั้งที่จัดทำโดยหน่วยงานของรัฐบาลและเอกชน การวิเคราะห์ที่ใช้มี 2 วิธี คือ การวิเคราะห์เชิงพรรณนา และ เชิงปริมาณ การวิเคราะห์เชิงปริมาณใช้หลักเกณฑ์ในการวิเคราะห์ทางการเงิน 4 ประการ คือ มูลค่าปัจจุบันสุทธิ อัตราผลตอบแทนของโครงการ อัตราส่วนผลประโยชน์ต่อต้นทุน และ การวิเคราะห์ความอ่อนไหวของโครงการ โดยกำหนดให้โครงการมีอายุ 30 ปี และ อัตราคิดลดร้อยละ 7.5ผลการศึกษาพบว่า โครงการมีความเป็นไปได้ในการจัดตั้ง ภายใต้หลักเกณฑ์ในการวิเคราะห์ทางการเงินทั้ง 4 ประการ และจากการศึกษาความอ่อนไหวของโครงการพบว่าโครงการยังมีความเป็นไปได้ในการจัดตั้ง ณ.ระดับหนึ่ง นอกจากนั้นผลด้านอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น คือ สามารถช่วยประหยัดเงินตราต่างประเทศที่เกิดจากการลดการนำเข้าแมกนีเซีย ของประเทศไทย ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ยิ่งไปกว่านั้นยังมีส่วนช่วยลดค่าใช้จ่าย ของอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องต้นทาง ในส่วนของอุตสาหกรรมปลายทาง จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งแก่อุตสาหกรรมวัสดุทนไฟในประเทศไทย ในการแข่งขันกับคู่แข่งต่างประเทศได้มากขึ้น และโครงการนี้ยังช่วยเพิ่มและกระจายการจ้างงานในประเทศไทยThis study is a financial feasibility study of magnesia plant investment project in Thailand. It aims at studying the magnesia output which is supplied to refractory manufacturers in Thailand. All data used in this study are secondary data from both public and private sectors such as magnesia manufacturer, magazines, reports, etc. The analysis in this study is done using both descriptive and qualitative techniques. The quantitative analysis includes 4 main characters. i.e. net present worth, internal rate of return, benefit-cost ratio and sensitivity analysis. The project is assumed to last 30 years and a discount rate of 7.5 percent is applied.The result of this study indicates that it is financially feasible to undertake this project. For other impacts, this project will alleviate the import burden of Thailand because local material can be used. For environmental benefit, this project will not make any damage to the environment, this project creates a positive backward linkage which could save the cost for the industry and at the same time creates a competitive position to the refractory industry. Finally, as indicated by the study, this project generates more employment in Thailand.